
อิสราเอล… ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของ 3 ศาสนา8 วัน 5 คืน
- ท่องแดนอารยะธรรม ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซู
อิสราเอล ดินแดนแห่งความศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นแหล่งสำคัญของ 3 ศาสนา ได้แก่ ศาสนายูดาย ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม ความแตกต่างด้านศาสนา และวัฒนธรรม ทำให้ดินแดนแห่งนี้ถูกเรียกว่า ดินแดนแห่งความศักดิ์สิทธิ์ และโบราณสถานที่สำคัญทางด้านศาสนา
เจรูซาเล็ม ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มีมรดกทางด้านประวัติศาสตร์ ส่งผลให้เมืองนี้เป็นเมืองที่ดึงดูดชาวโลกให้มาเยือนอย่างล้นหลาม ไม่มีที่ไหนในอิสราเอลมีความแตกต่างที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเท่ากับในเมืองนี้ กำแพงในเมืองเก่า และห้างสรรพสินค้าในเมืองใหม่ โครงสร้างเว้าโค้งในยุคโรมัน คูน้ำล้อมรอบปราสาทในสมัยอาณาจักรไบแซนไทน์ กำแพงเก่าในยุคสงครามศาสนา และเขื่อนดินที่ป้องกันปราสาทเมืองในยุคออตโตมาน
เทล อาวีฟ-เยรูซาเล็ม/เมืองเก่าและเมืองใหม่-เบธเลเฮ็ม-ซีซาเรีย – นาซาเร็ธ-ไทบีเรียส-ทะเลสาบกาลิลี่-มาซาด้า-ทะเลสาบเดดซี-จาฟฟา
Day 1:กรุงเทพฯ – ทาชเค้นท์
- 20.00 น. พร้อมกันที่ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 แถว W เคาน์เตอร์สายการบิน อุซเบกิสถาน แอร์เวย์ ประตูทางเข้าที่ 8-9 โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับในการตรวจเอกสารและสัมภาระในการเดินทาง
- 23.00 น. ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่ เมืองทาชเค้นท์ โดยสายการบิน อุซเบกิสถาน แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ HY-534 (ใช้เวลาในการบินประมาณ 6 ชม./รับประทาน อาหารและพักผ่อนบนเครื่องบิน)
Day 2 : ทาชเค้นท์ - เทล อาวีฟ – เซซาเรีย-ไฮฟา- ไทบีเรียส
- 03.50 น. ถึง สนามบินนานาชาติกรุงทาชเค้นท์ ประเทศอุซเบกิสถาน
- 07.35 น. ออกเดินทางจาก เมืองทาชเค้นท์ สู่ เมืองเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล โดยเที่ยวบินที่ HY-301(ใช้เวลาในการบินประมาณ 4.30 ชม.)
- 10.05 น. เดินทางถึง สนามบินนานาชาติเบนกูเรียล เมืองเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (เวลาท้องถิ่นของประเทศอิสราเอลช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 5 ชั่วโมง)
เมืองเทล อาวีฟ (Tel Aviv) ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางการค้า พาณิชย์และการท่องเที่ยว ที่มีความนิยมมากที่สุด ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อันที่จริงจะมีชื่อว่า เทล อาวีฟ-จัฟฟา แต่ทั่วๆไปจะเรียกว่า เทล อาวีฟ ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสอง ถูกก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1909 ที่บริเวณนอกเมืองที่เป็นเมืองท่าของเมืองจัฟฟา (Jaffa) ซึ่งมีความรุ่งเรืองในยุคของอาหรับ แต่เทล อาวีฟมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว ทำให้ทั้งสองเมืองถูกนำมารวมกันในปี ค.ศ.1950 หลังจากที่ตั้งรัฐอิสราเอลได้สองปี และได้ถูกก่อสร้างให้เป็นเมืองสมัยใหม่ และได้รับเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 2003
นำท่านเดินทางไป เมืองจัฟฟา (Jaffa)
- กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองโบราณซีซาเรีย (Caesarea) ซึ่งเป็นเมืองเก่ายุคสมัยสงครามครูเสด สร้างโดยกษัตริย์เฮโรดมหาราช แวะถ่ายรูป คลองส่งน้ำ (Aquaduct) ที่เหลืออยู่ประมาณ 1 กม. พวกโรมันโบราณได้สร้างขึ้นไว้ยาวประมาณ 25 กม. โดยการนำน้ำจืดจากภูเขามาหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณริมทะเลได้
เดินทางไปยัง เมืองไฮฟา (Haifa) ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาคาร์เมล (Mt. Carmel) ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางของเขตไฮฟาที่อยู่ทางด้านเหนือและอยู่ติดกับริมทะเลฯ เป็นแหล่งโรงงานอุตสาหกรรม และเป็นเมืองอันดับที่สามของประเทศ มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 270,000 คน ซึ่งผสมผสานกันระหว่างพวกยิวและอาหรับ นอกจากนั้นเมืองนี้ยังเป็นถิ่นกำเนิด/ศูนย์กลางของศาสนาบาไฮ (Bahai) แวะถ่ายรูปที่ Bahai Garden ที่ถูกสร้างเป็นสวนที่สวยงามด้วยงบประมาณ 50 ล้านดอลล่าร์ และยังได้ถูกจัดให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 2008
หลังจากนั้นเดินทางต่อไปยัง เมืองไทบิเรียส (Tiberias) ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันออก เป็นเมืองท่องเที่ยวทางตอนเหนือที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของริมทะเลสาบกาลิลี
- ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
- พักที่ LEGACY HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาว หรือเทียบเท่า
Day 3 : ไทบิเรียส-นาซาเร็ธ-ทะเลสาบกาลิลี่-คาเปอร์นาอูม- ไทบีเรียส
- เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านล่องเรือในทะเลสาบกาลิลี (Cruise of Galilee) ที่อยู่ใกล้กับที่ราบสูงโกลาน เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีความลึกประมาณ 43 เมตร พื้นที่ประมาณ 166 ตร.กม. และอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 209 เมตร ให้ท่านได้ชมความสวยงามของธรรมชาติ และการแสดงต่างๆที่จะทำให้ท่านได้รับความสนุกสนานและเพลิดเพลิน
- นำท่านชมโบสถ์ ที่อยู่รอบทะเลสาบกาลิลี่
- จากนั้น นำท่านเดินทางไปยัง หมู่บ้านทับกา (Tabgha Village) ที่พระเยซูได้เลี้ยงคน 5,000 คนด้วยปลา 2 ตัว และขนมปัง 5 ก้อน
- กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
- นำท่านเดินทางสู่ เมืองคาเปอร์นาอูม (Capernaum) ชม บ้านของปีเตอร์ ซึ่งเป็นสาวกคนแรก ปัจจุบันถูกสร้างเป็นโบสถ์บนบ้านหลังเดิม ที่ซึ่งพระเยซูทำการอัศจรรย์ในการรักษาโรคให้แก่แม่ยายปีเตอร์ ในบริเวณใกล้ๆกัน มีธรรมศาลาเก่าแก่ที่พระเยซูสั่งสอนและรักษาโรคแก่ประชาชน
- จากนั้น นำท่านเดินทางไปยังริมชายทะเลสาบฯ ที่ซึ่งพระเยซูปรากฏแก่สาวกหลังฟื้นจากความตาย และทำการอัศจรรย์ช่วยสาวกจับปลาได้ 153 ตัว และทรงเรียกปีเตอร์ให้เลี้ยงลูกแกะของพระองค์ ปัจจุบันมี โบสถ์ St.Peter’s Primacy ถูกสร้างครอบเนินดินที่เชื่อว่าเป็นที่ที่พระเยซูปิ้งปลาคอยสาวกอยู่
จากนั้น นำท่านเดินทางต่อไปยัง ภูเขาบีทติจูดส์ (Mt. of Beatitudes) ให้ท่านได้ชม โบสถ์ 8 เหลี่ยม เป็นสถานที่ซึ่งพระเยซูสอนสาวกเรื่องการอธิษฐาน ข้าแต่พระบิดาแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย ….
นำท่านเดินทางสู่ เมืองนาซาเร็ธ (Nazareth) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา นำท่านชมสถานที่ที่ทำการป่าวประกาศ (The Church of the Annunciation) ซึ่งถูกสร้างครอบบ้านนางมารีไว้ สถานที่ซึ่งนางมารีได้รับแจ้งจากทูตสวรรค์ว่านางจะให้กำเนิดพระเยซู และเดินต่อไปยังบ่อน้ำที่มีอายุนานกว่า 2,000 ปี ที่พระนางมารีได้เคยมาตักเอาไปใช้
- ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
- พักที่ LEGACY HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาว หรือเทียบเท่า
Day 4 : ไทบีเรียส-เจริโก้-ทะเลสาบเดดซี
- เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ ริมแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งเป็นสถานที่ทำพิธีบัพติศมาในน้ำ (Baptismal Site of Yardenit) ซึ่งสาวกจอห์นได้ทำพิธีล้างบาป และได้ตั้งชื่อให้ กับพระเยซู ท่านสามารถรับบัพติศมาเพื่อเป็นการระลึกถึง หรือสำหรับผู้ที่เพิ่งตัดสินใจรับบัพติศมา (หากท่านใดสนใจกรุณาติดต่อผู้นำทัวร์ เพื่อประสานงานกับศิษยาภิบาลที่นำคณะ สำหรับการใช้เสื้อคลุม และขอใบประกาศนียบัตร)
- นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองเจริโก้ (Jericho) ที่ตั้งอยู่ทางด้านเหนือในเขตเวสท์แบ้งค์ ที่ติดกับแม่น้ำจอร์แดนและอยู่ทางด้านเหนือของทะเลสาบเดดซี มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 20,000 คน ซึ่งส่วนมากจะเป็นชาวอาหรับปาเลสไตน์ เจริโกได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ในอดีตได้มีหลักฐานที่ถูกพบว่ามีคนมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บริเวณนี้มาแล้วประมาณกว่า 9,000 ปีก่อน คริสตกาล
นำท่าน นั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นสู่ภูเขาเทมพเทชั่น (Mt. of Temptation ) ซึ่งมีความสูงประมาณ 350 เมตรจากระดับน้ำทะเล ณ สถานที่แห่งนี้จะมีถ้ำซึ่งเป็นที่ที่พระเยซู ได้เคยมานั่งวิปัสสนาและอดอาหารเป็นเวลา 40 วัน และ 40 คืน ในระหว่างที่พวกซาตานมารบกวน ให้ท่านได้ ชมวิวเมืองเจริโก้จากบนยอดเขา ได้เวลาเดินทางกลับลงมา
- จากนั้น ให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัย ซื้อของฝากผลิตภัณฑ์ที่ทำจากโคลน Dead Sea และของที่ระลึกอื่น ๆ (ไม่ต้องเสียภาษี)
- กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบเดดซี (Dead Sea) ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำที่สุดของโลก อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลทั่วไปกว่าประมาณ 400 เมตร และน้ำในทะเลนี้เค็มกว่าทะเลปกติถึง 10 เท่าและยังมีปริมาณแร่ธาตุต่างๆ มากมาย เช่น สารไอโอดีน 10 เท่า แมกนีเซียม 15 เท่า และโบรมีน 20 เท่า จึงทำให้เกิดความหนาแน่นมาก จนท่านสามารถลอยตัวได้โดยไม่จม แม้ว่าว่ายน้ำไม่เป็น ให้ท่านเล่นน้ำและหมักโคลนตามอัธยาศัย (กรุณาเตรียมชุดเล่นน้ำ ผ้าเช็ดตัวรองเท้าฟองน้ำไปด้วย)
- ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
- พักที่ DAVID HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาว หรือเทียบเท่า
Day 5 : ทะเลสาบเดดซี-ป้อมมาซาด้า-เยรูซาเล็ม
- เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
- นำท่านออกเดินทางเรียบฝั่งทะเลสาบเดดซี เพื่อไปยัง ป้อมปราสาทมาซาด้า (Masada Fortress) ที่ตั้งอยู่ทางด้านใต้ บนยอดเขาสูงประมาณ 120 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นป้อมปราสาทและอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของกษัตริย์เฮโรด มหาราช ที่ได้สร้างขึ้นและเป็นที่สุดท้ายของชาวยิว 950 คนที่ขึ้นไปอาศัยอยู่ เพื่อต่อต้านการรุกรานของพวกโรมันด้วยการขนอิฐและหินขึ้นไปก่อสร้างอาคาร เพื่อเป็นที่พักอาศัยของพวกชาวยิว และยังสามารถนำน้ำขึ้นไปกักเก็บไว้ใช้อีกด้วย และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2001
- ให้ท่านนั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นสู่ยอดเขา เพื่อชมสถานที่สำคัญต่างๆ มีห้องอาบน้ำ ขนาดใหญ่เป็นแบบอบซาวน่า ฯ
- จากนั้น นำท่านเดินทางข้ามเขตแดนเยรูซาเล็ม สู่ เมืองเบธเลเฮ็ม (Bethlehem) เป็นดินแดนที่เก่าแก่ และถูกครอบครองโดยพวกปาเลสไตน์ ตั้งอยู่ห่างจากเยรูซาเล็มทางด้านใต้ ประมาณ 10 กม. ในอดีตเป็นบ้านเกิดของกษัตริย์เดวิด (King David) ซึ่งเป็นผู้สร้างเมืองเยรูซาเล็ม และยังเป็นเมืองที่พระเยซูมีประสูติกาลจากพระแม่มารี โดยที่โจเซฟและพระนางได้เดินผ่านมา และพักค้างคืนภายในถ้ำเลี้ยงสัตว์
- กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
- นำท่านแวะถ่ายรูปกับกำแพงกั้นระหว่างเขต West Bank กับเขตอิสราเอล โดยความคิดริเริ่มการสร้างกำแพงนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1992 และเริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1994 แต่ปัจจุบันนี้กำแพงที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อกั้นความขัดแย้งระหว่างคนสองเชื้อชาติได้กลายเป็นที่รังสรรค์งานศิลปะสมัยใหม่ที่เรียกว่า Graffiti มากมาย
จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ โบสถ์แห่งการประสูติ (The Church of Nativity) ที่สร้างครอบสถานที่ประสูติของพระเยซู ถูกสร้างโดย พระนางเฮเลน่า (Helena) ซึ่งเป็นพระมารดาของจักรพรรดิคอนสแตนตินแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ เป็นสถานที่ที่ถูกเก็บรักษาให้รอดพ้นจากการถูกทำลายจากผู้ครอบครองของหลายชาติได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งประตูทางเข้าโบสถ์นี้จะเล็ก กว่าปกติ และผิดสัดส่วนจากขนาดของตัวอาคาร เพราะว่าภายหลังดินแดนแห่งนี้ถูกครอบครองโดยพวกครูเสดก็ได้มีการต่อเติม และทำประตูให้มีขนาดเล็กลงสำหรับคนต้องก้มเดินเข้าไปได้เพียงคนเดียว เพื่อเป็นการป้องกันมิให้พวกโจรอาหรับขี่ม้าเข้ามาปล้น ภายในโบสถ์มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ทางเดินที่ประดับลวดลายของโมเสค และภาพสีน้ำมันตามผนังตลอดจนเพดาน
- นำท่านออกเดินทางไปยัง กรุงเยรูซาเล็ม (Jerusalem) ที่อยู่ห่างประมาณ 45 กม.ทางด้านตะวันออก และตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของทะเลสาบเดดซี เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ.1949 ได้รับการประกาศให้เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของอิสราเอล แต่ในขณะนั้นกรุงเยรูซาเล็มได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ฝั่งด้านตะวันตกเป็นของอิสราเอล ส่วนฝั่งตะวัน ออกและบริเวณเมืองเก่าจะเป็นของจอร์แดน จนกระทั่งปี ค.ศ.1967 หลังจากเกิดสงคราม 6 วัน (The Six Days War) ระหว่างอิสราเอลและจอร์แดน อิสราเอลจึงได้เมืองเยรูซาเล็มกลับมาอยู่ภายใต้การปกครองทั้งหมดเป็นเมืองเดียวกัน
- ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
- พักที่ LEGACY HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาว หรือเทียบเท่า
Day 6 : เยรูซาเล็ม – อีน คาเร็ม – เยรูซาเล็ม
- เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ ตัวเมืองเก่าเยรูซาเล็ม (Old City) ให้ท่านได้ชม กำแพงร้องไห้ (Wailing Wall) ซึ่งเป็นกำแพงด้านตะวันตกของพระวิหารหลังที่สองที่เหลืออยู่หลังจากถูกพวกโรมันทำลาย ปัจจุบันชาวยิวทั่วโลกถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และโดยเฉพาะวันสำคัญทางศาสนา จะมีชาวยิวมากมายเดินทางมาสวดมนต์ อธิษฐานร้องไห้คร่ำครวญกับพระเจ้าอย่างเนืองแน่น และจากลานหน้ากำแพงศักดิ์สิทธิ์นี้ จะมีทางเดินเลาะเลียบทางขวาที่ไต่ระดับสูงขึ้นไปสู่ ภูเขาวิหาร (Temple Mount ) อันเป็นที่ตั้งของมหาวิหาร ที่ได้ถูกทำลายไปถึง 2 ครั้ง จะเหลืออยู่ก็แค่บางส่วนของกำแพง ฯ ซึ่งในปัจจุบันภูเขาวิหาร เป็นที่ตั้งของศาสนสถานที่ศักดิ์สิทธ์ของศาสนาอิสลาม เพราะว่าในช่วงปี ค.ศ. 688 กาหลิบโอมาร์ ที่เป็นผู้นำชาวมุสลิม ได้นิมิตประหลาดว่าภูเขาวิหารนี้เป็นสถานที่ที่ศาสดาโมหะหมัดได้เสด็จสู่สวรรค์ โดยประทับยืนบนก้อนหินก้อนหนึ่ง ซึ่งต่อมาเชื่อว่าเป็นก้อนหินศักดิ์สิทธิ์ ส่วนชาวคริสต์เชื่อว่า พระเยซูได้ถูกซาตานนำมาประทับบนก้อนหินนี้ เพื่อให้ทอดพระเนตรนครเยรูซาเล็ม ในขณะที่จำศีลอดอาหาร และชาวยิวเชื่อว่า อับราฮัมได้นำลูกชายมาฆ่า เพื่อบูชาพระเจ้าบนก้อนหินก้อนนี้ ต่อมาจึงได้สร้างสุเหร่าไม้ขึ้นบนยอดเขาแห่งนี้ โดยคร่อมก้อนหินศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้ ซึ่งเรียกว่า สุเหร่าแห่งโอมาร์ (Mosque of Omar) แต่ปัจจุบันนี้ได้ถูกสร้างเป็นสุเหร่าทรง 8 เหลี่ยมที่มีหลังคาทรงกลม ทำด้วยทองบริสุทธ์ 24 กระรัต โดยได้รับความช่วยเหลือจากกษัตริย์ฮุสเซนแห่งจอร์แดน และมีชื่อเรียกว่า โดมแห่งหินผา (Dome of the Rock) และบริเวณผนังด้านในประดับด้วยโมเสคลวดลายงดงามมาก (ไม่สามารถเข้าไปชมภายในได้ )
- จากนั้น นำท่านเดินเท้าไปตาม ถนนเวีย โดโลโรซ่า (Via Dolorosa) เส้นทางที่พระเยซูถูกไต่สวนที่ศาลปรีโทเรีย จนถูกบังคับให้แบกไม้กางเขนไปสู่โกลโกธา และตรึงพระองค์ไว้บนไม้กางเขน ตามเส้นทางทั้งหมด 14 แห่ง ซึ่งในปัจจุบันเป็นโบสถ์ในศาสนาคริสต์ (Church of The Holy Sepulcher) หรือ สุสานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นอุโมงค์ที่สกัดไว้ในศิลาที่ใช้เก็บพระศพของพระเยซูหลังจากเชิญพระศพลงมาจากไม้กางเขน
- กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่ายนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองอีน คาเร็ม (Ein Karem) ที่มีความหมายว่า น้ำธรรมชาติสำหรับไร่องุ่น อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเยรูซาเล็ม และเป็นเมืองที่มีความสำคัญรองลงมาจากเบธเลเฮ็ม คือ เมืองที่จอห์นแห่งแบพติสเกิดและนอกจากนั้นก็ยังมีโบสถ์วิหารที่มีความสำคัญหลายแห่งสำหรับผู้ที่เป็นชาว คริสเตียน
ให้ท่านได้ชม อนุสรณ์สถานยาด วาเช็ม (Yad Vashem) ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงชาวยิวที่เสียชีวิตในระหว่างสงครามโลก รูปภาพต่างๆ ที่ถ่ายจากค่ายกักกันต่างๆ ในยุโรป แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของทหารนาซี ในความพยายามทำลายล้างเผ่าพันธุ์ของชนชาติยิว ซึ่งเป็นชนชาติของพระเจ้า ทำให้ตระหนักถึงพระสัญญาของพระเจ้าต่ออับราฮัมที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
- ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
- พักที่ LEGACY HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาว หรือเทียบเท่า
Day 7 : เยรูซาเล็ม-จัฟฟา-ทาชเค้นท์
- เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
- นำท่านเดินทางสู่ ยอดเขาโอลีฟ (Mt. of Olives) ท่านจะได้ชมตัวเมืองเยรูซาเล็มทั้งหมด
จากนั้น นำท่านเดินตามเส้นทางที่พระเยซูเสด็จสู่กรุงเยรูซาเล็มในวันปาล์มซันเดย์ ไปยัง โบสถ์ปีเตอร์ โนสเตอร์ (Peter Noster Church) เป็นสถานที่พระเยซูทรงสอนให้สาวกรู้จักคำอธิษฐาน “ข้าแต่พระบิดาแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย”
- นำท่านเดินทางไปยัง สวนเกทเสมานี (Gatsemane) ซึ่งเป็นภาษาฮิบรูว์ แปลว่า ต้นมะกอก บริเวณสวนนี้มีต้นมะกอกเก่าแก่อยู่ 8 ต้น ที่เชื่อกันว่าเป็นรากเดิมของต้นมะกอกในสมัยพระเยซูเจ้า ซึ่งมีอายุประมาณ 2,000 ปี และเป็นสถานที่ที่พระเยซูอธิษฐานกับสาวก ก่อนที่จะถูกพวกทหารโรมันจับตัวไป
- นำท่านเข้าชมในตัว โบสถ์นานาชาติ (Church of all Nations) ที่มีก้อนหินขนาดใหญ่ที่เชื่อว่าเป็นจุดที่พระเยซูทรงคุกเข่าอธิษฐาน ก่อนถูกทหารโรมันจับตัวไป
- หลังจากนั้น นำท่านเดินทางสู่ ภูเขาไซออน (Mount Zion) ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกของภูเขาโอลีฟในเยรูซาเล็ม ซึ่งมีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า เมืองของเดวิด (City of David)
นำท่านไปชม โบสถ์ไก่ขัน (St. Peter in Gallicantu) ซึ่งเป็นภาษาลาติน ในอดีตเป็นบ้านของปุโรหิตคายาฟาส ที่เป็นหัวหน้าสมณะในยุคของพระเยซูที่ถูกตัดสินฯ และเป็นสถานที่ที่ปีเตอร์ปฏิเสธพระเยซูก่อนไก่ขัน 3 ครั้ง (Before the cock crows thrice)
นำท่านไปชม สุสานกษัตริย์เดวิด (King David’s Tomb) และ ห้องอาหารมื้อสุดท้าย (Room of Last Supper) ที่พระเยซูทรงร่วมรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายกับเหล่าสาวก
- กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
- บ่าย นำท่านออกเดินทางไปชม เมืองเก่าจัฟฟา (Old Jaffa)ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองท่าที่เก่าแก่ อายุกว่า 3,000 ปี ชื่อเดิมของเมืองคือ ยาโฟ (Yafo) ในภาษาฮิบรูว์ แปลว่า สวยงาม ในประวัติศาสตร์เมืองนี้ถูกครอบครองมาหลายยุคหลายสมัยปัจจุบันรัฐอิสราเอลได้อนุรักษ์เมืองนี้ไว้ แล้วอนุญาตให้ศิลปิน พักอาศัย ทำงานสร้างสรรค์ และขายผลงานของตนเองแก่นักท่องเที่ยวที่มาเยือน
ให้ท่านได้ชม หอนาฬิกา (The Clock Tower) ที่ตั้งอยู่ศูนย์กลางของเมือง จัฟฟา เป็น 1 ใน 7 ของหอนาฬิกาที่ถูกสร้างโดยพวกออตโตมานที่เข้ามาปกครองในบริเวณนี้ ถูกสร้างขึ้น โดยสุลต่านอับดุล ฮามิด ที่ 2 ในราวปี ค.ศ.1900-1903 ส่วนที่เหลืออีก 6 แห่ง คือที่ ซาเฟ็ด, เอเคอร์, นาซาเรธ, ไฮฟา, นาบลุส และเจรูซาเล็ม ซึ่งทั้งหมดได้เสียหมด บนหอนาฬิกาเรือนนี้ยังใช้งานได้ดี และที่ด้านบนจะมีแผ่นหินสลักเป็นที่ระลึกถึงการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้เมืองนี้ในปี ค.ศ.1948
- จากนั้น ให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัย เลือกซื้อของฝากที่ตลาดซึ่งมีอยู่หลายแห่งในเมืองนี้ เช่น ตลาดเบซาเลล และที่ตลาดคาร์เมล / ชุค ฮา คาร์เมล ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเมือง เป็นตลาดที่น่าเดินเล่นซึ่งจะเต็มไปด้วยผู้คนและมีสิ่งของจำหน่ายมากมายที่คุณจะหาซื้อสิ่งของได้ในราคาที่ถูก พวกเครื่องเทศ ผลไม้แห้ง น้ำมันมะกอกและลูกมะกอก และสิ่งของต่างๆอีกมากมายหลายอย่าง
- 19.00 น. นำท่านออกเดินทางสู่ สนามบินเบนกูเรียน เพื่อตรวจเอกสารการเดินทาง (ต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 ชม. เนื่องจากเป็นสนามบินที่มีการตรวจกระเป๋า และสิ่งของต่างๆ อย่างละเอียด และเข้มงวดมาก)
- รับประทานอาหารเย็น แบบกล่องที่สนามบิน (เคบับ)
- 23.20 น. ออกเดินทางจาก เทล อาวีฟ สู่ ทาชเค้นท์ โดยเที่ยวบินที่ HY-304 (รับประทานอาหาร และพักผ่อนบนเครื่องบิน)
Day 8
- 05.55 น. เดินทางมาถึง สนามบินนานาชาติ กรุงทาชเค้นท์ ประเทศอุซเบกิสถาน
- 09.20 น. ออกเดินทางจากทาชเค้นท์ สู่ กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ HY-533
- 17.35 น. เดินทางมาถึง สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ/กรุงเทพ ฯ โดยสวัสดิภาพ

อิสราเอล..ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซู 8 วัน
DEPARTURE/RETURN LOCATION | สนามบินสุวรรณภูมิ (ฺBKK) | |||||||||
DEPARTURE TIME | โปรดเดินทางมาถึงอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง | |||||||||
INCLUDED |
|
|||||||||
NOT INCLUDED |
|
|||||||||
การชำระเงิน | งวดที่ 1 : หากท่านสนใจและประสงค์จะเดินทาง กรุณาจองทัวร์และชำระเงินมัดจำล่วงหน้า 30,000 บาท/ท่าน (เพื่อเป็นการยืนยันการเดินทางของท่าน) งวดที่ 2 : กรุณาชำระค่าทัวร์ส่วนที่เหลือล่วงหน้า 30 วัน ก่อนการเดินทาง หากท่านไม่ชำระเงินส่วนที่เหลือตามวันที่กำหนด ทางบริษัทฯ ถือว่าท่านยกเลิกการเดินทางโดยไม่มีเงื่อนไข ![]() |
|||||||||
การยกเลิก และการเปลี่ยนแปลง |
|
|||||||||
ข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่า |
1.หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ที่มีอายุใช้งานไม่ต่ำกว่า 6 เดือนนับจากวันเดินทาง หากหมดอายุกรุณานำไปต่ออายุก่อนนำส่ง และแผ่นติดวีซ่าคงเหลืออย่างน้อย 2-3 2.รูปถ่ายสีหน้าตรงปัจจุบัน พื้นฉากหลังรูปต้องมีสีขาวเท่านั้น รูปจะต้องเป็นภาพที่คมชัด ห้ามสวมแว่นสายตา ห้ามมีเงา ห้ามถ่ายรูปและตกแต่งภาพจากคอมพิวเตอร์ (ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน) ขนาด 35 mm x 45 mm หรือ 1.5 x 2 นิ้ว 2 รูป (ทางสถานทูตไม่พิจารณารูปที่ถ่ายเอง) 3. กรอกข้อมูลเพิ่มเติมในเอกสารเกี่ยวกับการขอวีซ่า (บริษัทจะส่งให้ท่าน ณ วันที่ทำการจองทัวร์) |
|||||||||
เงื่อนไขอื่นๆ |
บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการเดินทาง ในกรณีที่มีผู้เดินทาง ต่ำกว่า 15 ท่าน โดยจะแจ้งให้ผู้เดินทางทราบล่วงหน้า อย่างน้อย 20 วัน ก่อนการเดินทาง (หากจำนวนลูกค้าในคณะไม่ถึง 15 ท่าน (10 ท่านขึ้นไป) ราคาทัวร์เพิ่มท่านละ 3,000 บาท ) บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์การเปลี่ยนแปลงโปรแกรม ราคา และเงื่อนไขทั้งหมดโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า บริษัทฯ มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางประการในทัวร์นี้ เมื่อเกิดเหตุสุดวิสัยจนไม่อาจแก้ไขได้ บริษัทฯ มีสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงการพาเข้าชม สถานที่ท่องเที่ยวใดๆที่ปิดทำการ โดยจะจัดหาสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆเพื่อทดแทนเป็นลำดับแรก หรือคืนค่าเข้าชมแก่ผู้เดินทางแทน รายการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เนื่องจากความล่าช้าของสายการบิน โรงแรมที่พักในต่างประเทศ เหตุการณ์ทางการเมือง และภัยธรรมชาติ ฯลฯ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของทางบริษัทฯ หรือ ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นทางตรง หรือทางอ้อม เช่น การเจ็บป่วย การถูกทำร้าย การสูญหาย ความล่าช้า หรือ จากอุบัติเหตุต่างๆ ทั้งนี้ บริษัทฯ จะคำนึงถึงความปลอดภัยและความสะดวกของผู้เดินทางเป็นสำคัญ บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบในกรณีที่กองตรวจคนเข้าเมือง ห้ามผู้เดินทางเข้าหรือออกนอกประเทศ เนื่องจากมีสิ่งผิดกฎหมาย หรือสิ่งของห้ามนำเข้าประเทศ เอกสารเดินทางไม่ถูกต้อง หรือ ความประพฤติส่อไปในทางเสื่อมเสีย หรือด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตามที่กองตรวจคนเข้าเมืองพิจารณาแล้ว ทางบริษัทฯ ไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่าย รายการนี้เป็นเพียงข้อเสนอที่ต้องได้รับการยืนยันจากบริษัทฯอีกครั้งหนึ่ง หลังจากได้สำรองที่นั่งบนเครื่อง และโรงแรมที่พักในต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อย แต่อย่างไรก็ตามรายการนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม การไม่รับประทานอาหารบางมื้อไม่เที่ยวตามรายการ ไม่สามารถขอหักค่าบริการคืนได้ เพราะการชำระค่าทัวร์เป็นไปในลักษณะเหมาจ่าย ในกรณีที่ท่านจะใช้หนังสือเดินทางราชการ (เล่มสีน้ำเงิน) / หนังสือเดินทางนักการทูต (เล่มสีแดง) เดินทางกับคณะ บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบ หากท่านถูกปฏิเสธการเข้าหรือออกนอกประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะโดยปกตินักท่องเที่ยวใช้หนังสือเดินทางบุคคลธรรมดา (เล่มสีเลือดหมู) กรณีเดินทางโดยลูกค้าจัดการตั๋วเครื่องบินเอง ในกรณีลูกค้าดำเนินการเรื่องตั๋วเครื่องบินเองและมาเที่ยวรวมกับคณะ (Join Tour) ลูกค้าต้องดำเนินการมาพบคณะทัวร์ด้วยตัวเอง และต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการมาพบคณะใหญ่ด้วยตัวเอง รวมถึงหากกรณีเที่ยวบินของคณะใหญ่เกิดความล่าช้าหรือยกเลิกเที่ยวบินอันด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม ตั๋วเครื่องบิน ในการเดินทางเป็นหมู่คณะผู้โดยสารจะต้องเดินทางไป-กลับ หากท่านต้องการเลื่อนวันเดินทางกลับ ท่านจะต้องชำระ ค่าใช้จ่ายส่วนต่างที่สายการบินเรียกเก็บโดยสายการบิน เป็นผู้กำหนด ซึ่งทางบริษัทฯ ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ และในกรณีที่ยกเลิกการเดินทาง ถ้าทางบริษัทได้ออกตั๋วเครื่องบินไปแล้ว ผู้เดินทางต้องรอ Refund ตามระบบของสายการบินเท่านั้น (ในกรณีที่ตั๋วเครื่องบินสามารถทำการ Refund ได้เท่านั้น) ท่านที่จะออกตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ โปรดแจ้งฝ่ายขายก่อนเพื่อขอคำยืนยันว่าทัวร์นั้นๆ ยืนยันการเดินทาง แน่นอน หากท่านออกตั๋วภายในประเทศโดยไม่ได้รับการยืนยันจากพนักงาน แล้วทัวร์นั้นยกเลิก บริษัทฯไม่สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆที่เกี่ยวข้องกับตั๋วเครื่องบินภายในประเทศได้ หากในกรณีที่สายการบินมีการปรับเปลี่ยนตารางเที่ยวบิน ซึ่งอยู่นอกเหนือจากการควบคุมทางบริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสั้น เมื่อท่านจองทัวร์และชำระมัดจำแล้ว หมายถึงท่านยอมรับในข้อความและเงื่อนไขที่บริษัทฯแจ้งแล้วข้างต้น โรงแรมและห้อง ห้องพักในโรงแรมเป็นแบบห้องพักคู่ ( TWN/DBL ) ในกรณีที่ท่านมีความประสงค์จะพักแบบ 3 ท่าน / 3 เตียง ( TRIPLE ROOM ) ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของห้องพักและรูปแบบของห้องพักของแต่ละโรงแรม ซึ่งมักมีความแตกต่างกัน ซึ่งอาจจะทำให้ท่านไม่ได้ห้องพักติดกันตามที่ต้องการ หรือ อาจไม่สามารถจัดห้องที่พักแบบ 3 เตียงได้ โรงแรมหลายแห่งในยุโรป จะไม่มีเครื่องปรับอากาศเนื่องจากอยู่ในแถบที่มีอุณหภมิต่ำ เครื่องปรับอากาศที่มีจะให้บริการในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น ในกรณีที่มีการจัดประชุมนานาชาติ ( TRADE FAIR ) เป็นผลให้ค่าโรงแรมสูงขึ้น 3-4 เท่าตัว บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนหรือย้ายเมืองเพื่อให้เกิดความเหมาะสม กระเป๋าเล็กถือติดตัวขึ้นเครื่องบิน กรุณางดนำของมีคม ทุกชนิด ใส่ในกระเป๋าใบเล็กที่จะถือขึ้นเครื่องบิน เช่น มีดพับ กรรไกรตัดเล็บทุกขนาด ตะไบเล็บ เป็นต้น กรุณาใส่ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ห้ามนำติดตัวขึ้นบนเครื่องบินโดยเด็ดขาด วัตถุที่เป็นลักษณะของเหลว อาทิ ครีม โลชั่น น้ำหอม ยาสีฟัน เจล สเปรย์ และเหล้า เป็นต้น จะถูกทำการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยจะอนุญาตให้ถือขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 10 ชิ้น ในบรรจุภัณฑ์ละไม่เกิน 100 ml. แล้วใส่รวมเป็นที่เดียวกันในถุงใสพร้อมที่จะสำแดงต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามมาตรการองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ( ICAO ) หากท่านซื้อสินค้าปลอดภาษีจากสนามบิน จะต้องปิดผนึกถุงโดยระบุ วันเดินทาง เที่ยวบิน จึงสามารถนำขึ้นเครื่องได้ และห้ามมีร่องรอยการเปิดปากถุงโดยเด็ดขาด การชดเชยค่ากระเป๋าในการสูญหาย ของมีค่าทุกชนิด ขอแนะนำไม่ควรใส่เข้าไปในกระเป๋าใบใหญ่ที่เช็คไปกับเครื่อง เพราะหากเกิดการสูญหาย สายการบินจะรับผิดชอบชดใช้ตามกฎไออาต้าเท่านั้น ซึ่งจะชดใช้ให้ประมาณ กิโลกรัมละ 20 USD คูณด้วยน้ำหนักกระเป๋าจริง ทั้งนี้จะชดเชยไม่เกิน USD 400 กรณีเดินทางชั้นธรรมดา (Economy) หรือ USD 600 กรณีเดินทางชั้นธุรกิจ (Business) ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้โหลดของมีค่าทุกประเภทลงกระเป๋าใบใหญ่ กรณีกระเป๋าใบเล็ก (Hand Carry) เกิดการสูญหาย บริษัทฯ ไม่สามารถรับผิดชอบชดเชยค่าเสียหายให้ท่านได้ ดังนั้นท่านต้องระวังทรัพย์สินส่วนตัวของท่าน บริษัทขอสงวนสิทธิ์ที่จะรับผิดชอบในกรณีกระเป๋าเดินทางของท่านเกิดความชำรุด หรือสูญหาย ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น ในระหว่างการเดินทาง การเดินทางเป็นครอบครัว หากท่านเดินทางเป็นครอบครัวใหญ่ หรือเดินทางพร้อมสมาชิกในครอบครัว ที่ต้องได้รับการดูแลพิเศษ (Wheelchair), เด็ก, และผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว ไม่สะดวกเดินท่องเที่ยวในระยะเวลาเกินกว่า 4-5 ชั่วโมงติดต่อกัน ม่านและครอบครัวต้องให้การดูแลสมาชิกภายในครอบครัวของท่านเอง เนื่องจากการเดินทางเป็นหมู่คณะ หัวหน้าทัวร์มีความจำเป็นต้องดูแลคณะทัวร์ทั้งหมด หลังจากการจองทัวร์และชำระเงินมัดจำแล้ว ทางบริษัทฯ ถือว่าท่านได้ยอมรับในข้อตกลงและเงื่อนไข ที่บริษัทได้ระบุไว้ข้างต้นทุกประการ |