วันเดินทาง
19 มีนาคม – 2 เมษายน 2563
09 – 23 เมษายน 2563
30 เมษายน – 14 พฤษภาคม 2563
04 – 18 มิถุนายน 2563
02 – 16 กรกฎาคม 2563
สายการบิน

เยอรมัน-แอลเบเนีย-โคโซโว-มาซีโดเนีย-บัลแกเรีย-โรมาเนีย-เซอร์เบีย
มิวนิค-ทีราน่า-เบรัท-โอห์ริด–พริซเร่น–สโคเพีย-โซเฟีย-พลอฟดิฟ
เวลีคอเทอร์โนโว-บูคาเรสต์–ซินาญ่า-บราน-ซีบิว-ทิมิโชวอาร่า
เบลเกรด-โนวิซาด-เบลเกรด
- ที่พักดี อาหารดี มีอาหารจีนบริการ
- ชม เมืองเบรัท เมืองมรดกโลก เยี่ยมชมเมืองเก่า เขตมันกาเล็ม มัสยิดใหญ่ และ สะพานโกริชา
- เข้าชม ปราสาทแห่งคูจ้า
- ชมความสวยงามของเมืองเก่าโอห์ริด พร้อมล่องเรือทะเลสาบโอห์ริด
- ชมเมืองพริซเร่นประเทศโคโซโว อดีตเคยเป็นเมืองศูนย์กลางของอาณาจักรเซอร์เบีย
- ชมเมืองสโคเพีย เมืองหลวงของมาซิโดเนีย
- เข้าชม อารามมรดกโลกรีล่า ที่บัลแกเรีย
- ชมเมืองโซเฟีย เมืองหลวงของบัลแกเรีย
- ชมเมืองเก่าพลอฟดิฟ พิพิธภัณฑ์ Ethnographic Museum และสุเหร่าโบราณ
- ชมเมืองบูคาเรสต์ เมืองหลวงของโรมาเนีย และเข้าชม พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านท้องถิ่น
- เข้าชม ปราสาทเปเลส ได้รับการยกย่องว่าเป็นปราสาทอีกแห่งที่สวยที่สุดในโลก
- เข้าชมปราสาทบราน หรือที่รู้จักกันในนามของปราสาทแดร๊กคูล่า
- ชมเมืองเบลเกรด ประเทศเซอร์เบีย ชมป้อมปราการ Kalemegdan
- ชมเมืองโนวิซาด เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศเซอร์เบีย เมืองสวยริมแม่น้ำดานู้บ
1
Day 1: กรุงเทพฯ
- 20.30 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและตรวจเอกสารการเดินทาง ณ เคาน์เตอร์สายการบินออสเตรียน แอร์ไลน์ ชั้น 4 ประตูทางเข้าที่ 4
- 23.40 น. “เหิรฟ้าสู่แฟรงค์เฟิร์ต” โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 924 (รับประทานอาหารและพักผ่อนบนเครื่อง)
2
Day 2 : แฟรงค์เฟิร์ต-ทีร่าน่า
- 05.55 น. เดินทางถึง สนามบิน กรุงแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน ผ่านพิธีการตรวจเอกสารคนเข้าเมืองและศุลกากร
- นำท่านเดินทางสู่ เมืองแฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurt) ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและพาณิชย์ที่สำคัญของเยอรมนี รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการธนาคารการเงินและการค้าหุ้นที่สำคัญของประเทศ ผ่านชมสถานีรถไฟแฟรงค์เฟิร์ต ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถานีรถไฟต้นแบบของหัวลำโพงประเทศไทย ครั้งเมื่อคราวเสด็จประพาสยุโรปของรัชกาลที่ 5
- นำท่านเที่ยวชม จัตุรัสโรเมอร์ (Romerberg) ซึ่งเป็นจัตุรัสที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง ด้านข้างก็คือ THE ROMER หรือ Frankfurt City Hall หรือ ศาลาว่าการเมือง ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของจัตุรัสโรเมอร์
- กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
- จากนั้นนำท่านสู่ ย่านถนน ZEIL ที่มีห้างสรรพสินค้าที่ทันสมัยและร้านค้ามากมายให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าแฟชั่นนำสมัย อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
- 16.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินกรุงแฟรงค์เฟิร์ต
- 20.45 น. “เหินฟ้าสู่กรุงทีราน่า” โดยสายการบินเอเดรีย แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ JP 713
- 22.45 น. เดินทางถึงสนามบิน เมืองทีราน่า (TIRANA) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศแอลเบเนียที่อยู่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมืองนี้ถูกก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1614 โดย สุไลมาน ปาชา (Sulejman Pasha) และทีราน่าได้ถูกตั้งเป็นเมืองหลวงของประเทศเมื่อปี ค.ศ.1920 เขตเมืองของทีราน่าตั้งอยู่ริมแม่น้ำอิเชม (Ishëm) มียาวประมาณ 32 กิโลเมตร มีความสูงเฉลี่ยเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 110 เมตร และจุดสูงสุดวัดได้ที่ 1,828 เมตร ที่บริเวณมาลีเมโกรปา
- พักที่ HOTEL PTESTIGE หรือเทียบเท่า
3
Day 3 : เมืองทีราน่า-เมืองเบรัท-เมืองทีราน่า
- 08.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเบรัท (BERAT)เมืองทางตอนใต้ของประเทศแอลเบเนีย เยี่ยมชม เมืองเบรัท ที่ตั้งอยู่ในบริเวณทางด้านใต้ของแอลเบเนีย เป็นเมืองศูนย์กลางการปกครองของจังหวัดเบรัท ตั้งอยู่ที่ริมฝั่งของแม่น้ำโอซูม ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่มีความสวยงามของแอลเบเนียกับความมั่งคั่งของสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย และมีเมืองเก่าที่ชื่อว่า เขตมันกาเล็ม (Mangalem District) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.2008
- นำท่านถ่ายรูปกับมัสยิดใหญ่ (Great Mosque) และ สะพานโกริชา (Gorica bridge) ซึ่งเป็นสะพานหินที่สร้างตั้งแต่สมัยออตโตมัน เรืองอำนาจและถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์ค ที่สวยงามและสำคัญแห่งเมืองเบรัท
- กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
- บ่าย ได้เวลา สมควรแก่เวลานำท่านออกเดินทางกลับไปยังเมืองทีราน่า
- นำท่านชมความสวยงามของตัวเมืองหลวง ที่เต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้ที่มีการตกแต่งให้สวยงาม
- ให้ท่านชม จัตุรัสสแกนเดอร์เบค (Skanderbeg Square) ชมหอคอยนาฬิกา (Clock Tower) ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีอายุมากและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1820 ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นที่ตั้งจุดศูนย์กลางของเมืองและได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองทีราน่าอีกด้วย และสิ่งก่อสร้างที่อยู่ใกล้กันก็คือ สุเหร่าเอทเฮม เบย์ (Et’hem Bey Mosque) ซึ่งได้ใช้เวลาก่อสร้างถึง 28 ปีจนสำเร็จเรียบร้อยในปี ค.ศ.1821 ภายในถูกตกแต่งด้วยงานศิลปะ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสุเหร่าที่มีความสวยงามที่สุดในแอลบาเนีย
- นำท่านผ่านชม ปิรามิด้า (Piramida) สิ่งก่อสร้างซึ่งมีรูปทรงคล้ายกับปิรามิด ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1987 เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมแห่งชาติ
- 19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
- พัก HOTEL PTESTIGE หรือเทียบเท่า
4
Day 4 : เมืองทีราน่า-เมืองคูจ้า-เมืองโอห์ริด
- 08.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
- นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองคูจ้า (KRUJA) ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านเหนือของกรุงทีราน่าห่างประมาณ 20 กม. เป็นเมืองศูนย์กลางการปกครองของเขตคูจ้า เมืองคูจ้า ได้เคยเป็นที่ตั้งหลักแหล่งของพวกชนเผ่าอิลลิเรียนแห่งอัลบานี และในปี ค.ศ.1190 ก็ได้เป็นเขตปกครองตนเองแห่งอัลบาเนีย และต่อมาก็ได้กลายเป็นเมืองหลวงแห่งอาณาจักรอัลบาเนีย และในราวต้นศตวรรษที่ 15 ก็ได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของพวกออตโตมานเติร์ก
- นำท่านไปชม ปราสาทแห่งคูจ้า (Kruja Castle) ซึ่งมีทั้งพิพิธภัณฑ์สแกนเดอร์เบคและตลาดบาซาร์รวมอยู่ด้วย เป็นสถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อต่อต้านกองทัพของพวกออตโตมาน โดยสามารถจุกองทหารได้ประมาณ 2,000-3,000 คน โดยด้านรอบของปราสาทยังมีหอคอยสูงด้วยได้เวลา
- กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
- นำท่านเดินทางข้ามพรมแดนไปยังมาซีโดเนียสู่ เมืองโอห์ริด(OHRID) ที่ตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบโอห์ราทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ระยะทางห่างประมาณ 140 กม.
- ให้ท่านได้ชมความสวยงามของเมืองเก่าโอห์ริด ที่เป็นเสมือนเมืองทางศาสนาและมีความสำคัญที่เป็นจุดศูนย์กลางด้านวัฒนธรรม ซึ่งโบสถ์วิหารส่วนใหญ่ได้ถูกสร้างขึ้นในยุคของไบแซนไทน์และในยุคของบุลกาเรียน และที่เหลืออยู่ทุกวันนี้ก็เป็นส่วนของพวกเซอร์เบียที่ปกครองในอดีตของยุคกลาง
- ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
- พัก HOTELCITY PALACE หรือเทียบเท่า
5
Day 5 : เมืองโอห์ริด-เมืองพริซเร่น-ซิตี้ทัวร์
- 08.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
- นำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบโอห์ริด (Ohrid Lake) เป็นทะเลสาบที่มีพื้นที่อยู่ระหว่างสองประเทศ คือ ด้านตะวันตกเป็นของแอลบาเนียที่มีพื้นที่น้ำประมาณ 110 ตร.กม. และมีเมืองโปกราเด๊กที่ตั้งอยู่บริเวณริมทะเลฯ ส่วนทางด้านตะวันออกเป็นของมาซีโดเนีย ที่มีพื้นที่น้ำประมาณ 248 ตารางกิโลเมตร และมีเมืองโอห์ริดและสะตรูด้าที่ตั้งอยู่บริเวณริมทะเลฯ
- นำท่านนั่งเรือชมเมืองโอห์ริด ที่ตั้งอยู่บริเวณริมทะเลสาบฯ เป็นเมืองที่มีความใหญ่ที่สุดของบริเวณริมทะเลสาบฯแห่งนี้ที่มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 42,000 คน และเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงที่มีโบสถ์มากถึง 365 หลัง ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของการเข้าทำพิธีวันละหนึ่งแห่งและเมื่อครบทุกแห่งก็จะเป็นเวลาหนึ่งปีพอดี นอกจากนั้นเมืองนี้ยังเต็มไปความสวยงามของการปลูกสร้างบ้านและสถานที่ต่างๆที่สวยงาม ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปีค.ศ.1979
- นำท่านชมด้านนอกของ โบสถ์เซนต์โจวาน คานิโอ (St.Jovan Kaneo Church) เป็นโบสถ์สไตล์คริสต์ออโธดอกซ์ สร้างขึ้นเพื่อมอบให้กับนักบุญจอห์น ซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของมาซีโดเนีย โบสถ์แห่งนี้ตั้งอยู่บนเชิงหน้าผาเหนือจากระดับน้ำทะเล สามารถมองเห็นวิวของทะเลสาบโอห์ริด ณ จากจุดนี้ได้อีกด้วย
- กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
- นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองพริซเร่น (PRIZREN) ที่ตั้งอยู่ทางเหนือ ระยะทางห่างประมาณ 260 กม. เมืองพริซเร่น (ที่ในอดีตเคยเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งประวัติศาสตร์ของอาณาจักรเซอร์เบีย) เป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ของโคโซโวซึ่งอยู่ติดกับมาซีโดเนียและแอลบาเนีย ซึ่งประชาชนส่วนมากจะเป็นชาวแอลบาเนียน ตัวเมืองจะตั้งอยู่บนส่วนลาดชันของภูเขาซาร์แล้วในปัจจุบัน
- 18.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
- พักที่ HOTEL KACINARI หรือเทียบเท่า
6
Day 6
เมืองพริซเร่น-เมืองสโคเพีย
- 08.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
- นำท่านเดินเที่ยวชมเมืองพริซเร่น บริเวณรอบๆ River Bistrica ที่อยู่กลางเมือง เริ่มจาก Sinan Pasha Mosque หรืออนุสาวรีย์ในยุคของกษัตริย์ออตโตมานที่ 16 และยังมีอนุสาวรีย์ของกษัตริตย์ในยุคออตโตมันอีกแห่งซึ่งอยู่ใกล้ๆกันคือ Gazi Mehment Hamam ซึ่งสถานที่แห่งนี้ได้จัดเป็น Art Gallery ไป
- นำท่านเดินทางข้ามพรมแดนไปยังมาซีโดเนียสู่ เมืองสโคเพีย (SKOPJE) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมาซีโดเนีย ที่ตั้งอยู่ทางด้านใต้ ระยะทางห่างประมาณ 80 กม. เมืองสโคเพีย เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของมาซิโดเนียเป็นศูนย์กลางทางการเมือง ทางวัฒนธรรม และทางเศรษฐกิจของประเทศ ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของเซอร์เบียและบัลแกเรีย ในอดีตสันนิษฐานว่ามีการตั้งถิ่นฐานที่สโคเพียตั้งแต่ 4,000 ปีก่อนคริสตกาล
- กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
- นำท่านไปชมด้านนอกของ ป้อมปราการคาเล่ (Kale Fortress) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณที่สูงของเนินเขาในหุบเขาสโคเพียและเป็นจุดที่ชมเมืองสโกเพียได้สวยงาม ส่วนของป้อมปราการที่เป็นส่วนเก่าที่สุดมีความยาวประมาณ 121 เมตร เป็นการสร้างในรูปแบบที่นำก้อนหินก้อนใหญ่ที่ตบแต่งเรียบร้อยและนำมาไว้ด้านนอก และส่วนด้านในจะเป็นหินก้อนเล็กถูกสร้างขึ้นโดยในราวศตวรรษที่ 6 โดยจักรพรรดิจัสติเนียนแห่งไบแซนไทน์ ผู้ที่มีแหล่งกำเนิดอยู่ที่หมู่บ้านทาโอเรียนใกล้กับกรุงสโคเพีย หลังจากเมื่อปี ค.ศ. 518 เมืองนี้และสิ่งโบราณสถานหลายแห่งได้ถูกทำลายโดยการเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง จึงทำให้องค์จักรพรรดิฯ ได้ตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่างให้กับบ้านเกิดของพระองค์ จึงได้เริ่มก่อสร้างสิ่งต่างๆขึ้นมาหลายอย่าง
- นำท่านไปชม สะพานหิน (Stone Bridge) ซึ่งได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ ถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 6 โดยจักรพรรดิจัสติเนียนแห่งไบแซนไทน์เช่นเดียวกัน สะพานนี้มีความยาวประมาณ 214 เมตรและส่วนโค้งที่ใต้สะพาน 13 ช่อง ซึ่งจักรพรรดิที่ได้เข้ามาปกครองก็ได้พยายามทำการก่อสร้างเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นที่ระลึก
- จากนั้นนำท่านไปยัง พอร์ต้า มาซีโดเนีย (Porta Macedonia) ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นประตูชัยตั้งอยู่ที่จัตุรัสเพลล่า และเพื่อเป็นการประกาศอิสรภาพของมาซีโดเนียที่มีมา 20 ปี ซึ่งพื้นผิวภายนอกของประตูชัยนี้ได้ถูกตบแต่งด้วยหินอ่อนและมีการทำลวดลายให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ของชาติฯ และภายในก็ยังมีห้องที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามพร้อมกับห้องขายของที่ระลึกอีกด้วย
- นำท่านไปชมความสวยงามของ จัตุรัสมาซิโดเนีย (Macedonia City Square) พร้อมกับชม อนุสาวรีย์อเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great) ซึ่งได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองหลวง เป็นรูปปั้นที่อเล็กซานเดอร์มหาราชกำลังนั่งอยู่บนหลังม้าคู่ใจในการออกศึกทำสงครามที่มีชื่อว่า บูซาเฟลัส อนุสาวรีย์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงที่ประเทศได้รับเอกราชมา 20 ปีและเสร็จเรียบร้อยเมื่อวันที่ 8 กันยายน ปี ค.ศ.2011 อนุสาวรีย์แห่งนี้ตั้งอยู่บนกลางน้ำพุ ซึ่งตรงกลางมีเสาทรงกลมที่มีฐานด้านบนสูงถึง 10 เมตร และรูปปั้นตั้งอยู่บนเสารูปทรงกลมที่สูง 4.5 เมตร ส่วนของเสาประกอบไปด้วยสามส่วนของการตกแต่งด้วยงาช้างที่ได้แกะสลักภาพอันสวยงามทางด้านประวัติศาสตร์และสลับกับรูปแหวนที่ทำด้วยบรอนซ์ และนอกจากนั้นยังการตกแต่งรอบบริเวณน้ำพุด้วยเสาบรอนซ์ที่สูงถึง 3 เมตรด้วยรูปทหารแปดคน มีรูปสิงโตที่เป็นบรอนซ์แปดตัวที่มีความสูงถึงตัวละ 2.5 เมตร และสิงโตสี่ตัวยังพ่นน้ำออกมา และที่สำคัญน้ำพุแห่งนี้สามารถที่จะเปลี่ยนรูปได้ตามเสียงเพลงอีกด้วย
- ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
- พักที่ HOTEL PANORAMICA DESIGH หรือเทียบเท่า
7
Day 7 : เมืองสโคเพีย–เมืองรีล่า-เมืองโซเฟีย
- 06.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
- นำท่านเดินทางข้ามพรมแดนไปยังบัลแกเรียสู่ เมืองรีล่า (RILA) ที่ตั้งอยู่ทางด้านใต้ ระยะทางห่างประมาณ 190 กม. เมืองรีล่า เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนภูเขาทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เป็นภูเขาสูงที่สุดของบัลแกเรียและเทือกเขาบอลข่าน โดยมียอดเขาชื่อ มาซูล่า (Masula) สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,925 เมตร
- นำท่านไปชม อารามมรดกโลกรีล่า (Rila Monastery) เป็นอารามของคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดและมีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดของบัลกาเรีย ตั้งอยู่บนจุดที่มีทิวทัศน์สวยงามของภูเขารีล่า ที่ระดับความสูง 1,147 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งสามารถมองเห็นแม่น้ำริลสก้าและดรุสย่าวิทซ่า ที่ไหลอยู่เบื้องล่างได้อย่างสวย และรับรองจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1983
- นำท่านชมความสวยงามของวิหาร ที่ก่อตั้งขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 10 โดย นักบุญจอห์นแห่งรีลา (St.John of Rila) ผู้ถือสันโดษและใช้ชีวิตเงียบในถ้าและได้รับยกย่องเป็นนักบุญโดยนิกายออร์โธดอกซ์ อาศรมและหลุมศพของท่านกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และได้กลายเป็นอารามซึ่งมีบทบาทสำคัญในด้านจิตวิญญาณและสังคมของบัลแกเรียยุคกลาง อารามนี้ถูกทำลายด้วยไฟไหม้ในตอนต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 19 และได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ระหว่างคริสต์ศักราช 1834-1862 รูปแบบของอารามเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของศิลปะสมัยบัลแกเรียน เรอเนสซองส์ ในราวคริสต์ศตวรรษที่ 18-19 และเป็นสัญลักษณ์แห่งการตระหนักรู้ถึงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมสลาวิค (Slavic) หลังจากที่ตกอยู่ใต้การปกครองของชนชาติอื่นมานับหลายศตวรรษ อารามรีล่า ถือเป็นเป็นศูนย์กลางของจิตวิญญาณที่ใหญ่ที่สุดในประเทศบัลแกเรีย และเป็นจุดหมายในการเดินทางแสวงบุญของคริสต์ศาสนิกชนในนิกายออร์โธดอกซ์จากทั่วโลกที่ นักบุญเซนต์อิวาน ริลสกี้ (St.Ivan Rilski) แห่งอารามรีล่า ซึ่งมีบทบาทอย่างมากในการต่อสู้เรื่องการกดขี่ทางชาติพันธุ์ในสมัยการยึดครองของจักรวรรดิออตโตมัน อารามแห่งนี้ถือเป็นอนุสรณ์สถานของสถาปัตยกรรมและความมั่งคั่งของวัฒนธรรมและศิลปะของบัลแกเรีย สัญลักษณ์รูปเคารพ (Icon) ที่อารามนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดและทาด้วยทองคำแท้เพียงแห่งเดียวในบัลแกเรีย นอกจากนี้อารามเป็นแหล่งสะสมทรัพย์สมบัติและวัสดุวรรณกรรมอายุกว่าร้อยปี อีกเป็นจำนวนมาก
- กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
- จากนั้นนำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองโซเฟีย (SOFIA) ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านเหนือ ระยะทางห่างประมาณ 100 กม. เมืองโซเฟีย เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐบัลกาเรีย และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเรื่องจำนวนประชากรเป็นอันดับที่ 47 ของสหภาพยุโรป ตั้งอยู่บริเวณตีนเขาวีโตชาทางด้านตะวันตกของบัลแกเรีย เป็นเมืองศูนย์กลางของการขนส่งสินค้าทางบกที่สำคัญของคาบสมุทรบอลข่าน ในอดีตกว่า 2,400 ปี เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าเซลติค และมีประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ในราวศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล ซึ่งมีชื่อเรียกเมืองนี้ว่า เซอร์ดิก้า (Serdica) ที่มาจากชนเผ่าเซอร์ดีที่มาตั้งถิ่นฐานที่บริเวณแห่งนี้
- นำท่านไปชม อาคารรัฐสภา (Parliament Building) ซึ่งมีคำขวัญที่ผูกใจอยู่เหนือประตูทางเข้าเป็นภาษาบัลกาเรีย ที่มีความหมายว่า “รวมกันทำให้เราแข็งแกร่ง” (United we are strong) ตึกหลังนี้ได้รับการบูรณะหลังจากที่ได้รับความเสียหายหลายครั้งซึ่งครั้งสุดท้ายได้ถูกบูรณะขึ้นโดยสถาปนิกชาวบัลแกเรีย คอนสแตนติน อิวาโนวิช
- นำท่านผ่านชม โบสถ์เซนต์โซเฟีย (St.Sophia Church) ซึ่งเป็นโบสถ์คริสตจักรที่อยู่ใกล้ๆกันได้อีกด้วย จากนั้นนำท่านชมอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความสวยงาม และยังได้ชื่อว่าเป็นโบสถ์ยิวที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ และใหญ่เป็นอันดับสามในทวีปยุโรป
- 19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
- พักที่ HOTEL FESTA หรือเทียบเท่า
8
Day 8 : เมืองโซเฟีย-เมืองพลอฟดิฟ-เมืองเวลีคอเทอร์โนโว
- เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
- นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองพลอฟดิฟ (PLOVDIV) ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ระยะทางห่างประมาณ 190 กม. พลอฟดิฟ เป็นเมืองศูนย์กลางการบริหารและการปกครองของจังหวัดพลอฟดิฟ ที่มีความใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 350,000 คน
- นำท่านชม เมืองเก่าพลอฟดิฟ (Plovdiv Old City) ส่วนที่เก่าแก่ของตัวเมืองได้รับการอนุรักษ์ทางสถาปัตยกรรม ซึ่งทำให้ พลอฟดิฟ ยังคงมีกลิ่นอายของยุคเรอเนสซองจนถึงปัจจุบัน สภาพตึกรามบ้านช่องยังคงอนุรักษ์ไว้ซึ่งรูปแบบเดิมเป็นที่น่าประทับใจของนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือน เดินชมเขตเมืองเก่าบนถนนที่ปูด้วยแผ่นหินแบบโบราณ
- และเข้าชม พิพิธภัณฑ์ Ethnographic Museum ภายในจัดแสดงเรื่องราวของหัตถกรรมและเกษตรกรรมของชาวพลอฟดิฟ
- นำท่านถ่ายรูปด้านนอกกับ สุเหร่าโบราณ (Dzhumaya Mosque) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 ในช่วงการปกครองของออคโตมันเติร์ก โดยสร้างทับลงไปบนโบสถ์คริสต์เก่าเซนต์เพตก้า ใช้เสาขนาดใหญ่สี่เสาคร่อมเหนือโถงใต้ดิน 9 โถง โดมสุเหร่าเคลือบทับด้วยตะกั่ว และมีหอขานสูงถึง 23 เมตร
- กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
- นำท่านเดินทางต่อไปยัง เมืองเวลีคอเทอร์โนโว (VELIKO TARNOVO) ที่ตั้งอยู่ทางด้านเหนือระยะทางห่างประมาณ 70 กม.โดยเดินทางผ่านข้ามพรมแดนโรมาเนียไปยังบัลกาเรีย ที่ด่านอาร์บานาสซี ซึ่งเป็นหมู่บ้านเก่าแก่แหล่งชุมชนของชาวแอลบาเนียและชาวกรีกที่เข้ามาตั้งรกรากตั้งแต่สมัยศตวรรษที่16
- นำท่านชมซากปราสาทปรักหักพังอันโดดเด่นของเมือง ปราสาทซารีเวทส์ (Tsarevets Castle) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาซารีเวทส์ ซึ่งในระยะแรกได้สร้างเป็นป้อมปราการของอาณาจักรบัลแกเรียนที่ใช้สำหรับเป็นกำแพงต่อต้านข้าศึกในปี ค.ศ.1939 ก็ตกเป็นของพวกออตโตมานหลังจากที่ล้อมไว้ 3 เดือน ชมภายในตัวอาคารและป้อมปราการซึ่งรายล้อมอยู่ ปัจจุบันได้มีการทำนุบำรุงรักษาเอาไว้มากมายพอสมควร
- นำท่านถ่ายรูปด้านนอก โบสถ์เซนต์ดิมิตรี้อัส (St.Demetrius Church) แห่งเทสซาโลนีกี้ แม้จะผ่านการทำลายโดยแผ่นดินไหวหรือแม้แต่การถูกปล้นโดยโจร ก็ถือว่าเป็นโบสถ์ที่มีการบำรุงรักษาเป็นอย่างดีของบัลแกเรีย
- จากนั้นอิสระให้ท่านได้เดินเที่ยวในย่าน Gjurko Street ตามอัธยาศัย
- 19.30 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
- พักที่ HOTEL YANTRA หรือเทียบเท่า
9
Day 9 : เมืองเวลีคอเทอร์โนโว-กรุงบูคาเรสต์
- เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
- นำท่านเดินทางข้ามพรมแดนระหว่างประเทศบัลแกเรีย เข้าสู่ประเทศโรมาเนีย
- กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
- หลังจากนั้นนำท่านเที่ยวชม กรุงบูคาเรสต์ (BUCHAREST) ที่ได้รับสมญานามว่า “ปารีสน้อยแห่งยุโรป” ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียง ระยะทางห่างประมาณ 180 เมืองบูคาเรสต์ เป็นเมืองหลวง เมืองอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศโรมาเนีย เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของโรมาเนีย ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศที่และตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแดมโบวิตา มีประชากรอยู่ประมาณ 2 ล้านคน เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 6 ของสหภาพยุโรป
- นำท่านถ่ายรูป อาคารรัฐสภาหรือทำเนียบประธานาธิบดีของโรมาเนีย (Parliament Palace) ทำเนียบประธานาธิบดีที่ใหญ่โตโอฬารของประธานาธิบดีเชาเชสคู และ นางเอลินา ภรรยาผู้ซึ่งอยากมีชีวิตหรูหราประหนึ่งเอวิต้า เปรอง อาคารรัฐสภานี้ได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากตึกเพนตากอนของสหรัฐอเมริกา และมีจำนวนห้องมากถึง 6,000 ห้อง สร้างแบบสถาปัตยกรรมโรมาเนีย ทั้งโครงสร้างและการตกแต่ง ทั้งภายนอกและภายในอาคาร แต่ละห้องตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา โดยเฉพาะห้องแกรนด์บอลรูม ที่ได้ มี การตกแต่งโคมไฟประดับโบฮีเมียน้ำหนักถึง 5 ตัน ปูพื้นด้วยพรมเปอร์เซียผืนใหญ่ ห้องรับรองซึ่งสร้าง จากหินอ่อนจากประเทศอิตาลี ให้ท่านได้สัมผัสถึงความโอ่อ่า ความยิ่งใหญ่ของอาคารรัฐสภาที่ใช้งบประมาณมหาศาลในการก่อสร้างมหาศาลถึง 3 ล้านล้านยูโร
- นำท่านเที่ยวชมเมืองและแวะถ่ายรูป (หากรถสามารถจอดได้)
- ชมจัตุรัสแห่งการปฎิวัติ (Revolution Square) โอเปร่าเฮ้าส์ (Opera House) คลับทหารแห่งชาติ (National Military Academy) ผ่านชม “ประตูชัย” ซึ่งตั้งอยู่บนถนน KISSELEFF ซึ่งสร้างเลียนแบบประตูชัย ในกรุงปารีส ในสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนีย (Romanian Athenaeum)
- จากนั้นนำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านท้องถิ่น (VILLAGE MUSEUM) ซึ่งจัดว่าเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป
- 19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม
- HOTEL PULLMAN หรือเทียบเท่า
10
Day 10 : กรุงบูคาเรสต์-เมืองซินาญ่า-บราน-ซิบิว
- เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
- หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ เมืองซินาญ่า (SINAIA)
- นำท่านเยี่ยมชม ปราสาทเปเลส(Peles Castle) ซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขาบูเซกิใกลักับเมืองซินาญ่า เป็นปราสาทที่ประทับในฤดูร้อนของกษัตริย์ ปราสาทแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นปราสาทอีกแห่งที่สวยที่สุดในโลก เนื่องจากตั้งอยู่กลางป่าสนบนเทือกเขาคาร์เปเทียน ปราสาทนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเจ้าชายคาลอสที่ 1 กษัตริย์แห่งโรมาเนียในสมัยศตวรรษที่ 19 ใช้เวลาสร้างนานถึง 10 ปี โดยเริ่มปี ค.ศ.1873-1973 ความงดงามของปราสาทแห่งนี้ มิใช่อยู่ที่ความยิ่งใหญ่ของตัวปราสาทแต่อยู่ที่การตกแต่งภายในอย่างหรูหรางดงาม เป็นปราสาทที่รวบรวมงานศิลปะที่สวยงามมากมายจากประเทศต่างๆ ในยุโรป เช่น โคมไฟระย้าจากอิตาลีรูปภาพติดผนังจากฝรั่งเศสฯ ***กรณีที่ปราสาทเปเลสปิด จะนำทุกท่านเข้าชม Little Peles Castle แทน***
- นำท่านถ่ายรูปกับ วิหารซินาญ่า (Sinaia Monastery) ซึ่งเป็นวิหารคู่เมืองซินาญ่าในรูปแบบศิลปะไบเซนไทน์ ภายในมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม ถูกสร้างขึ้นโดยเจ้าชายมิเฮลหลังจากที่ได้เสด็จกลับจากทำพิธีจาริกแสวงบุญภูเขาซียาย วิหารหลังแรกได้ถูกสำเร็จในปี ค.ศ. 1690-1695 มีพระจำวัดอยู่ 12 องค์ และในระหว่างสงครามรัสเซียเตอร์กิส ปี ค.ศ.1735-1739 โดยพวกออตโตมานก็บุกเข้าทำลายและเผา ส่วนพวกพระก็ได้นำสิ่งของมีค่าต่างๆฝังไว้ใต้ระฆังใหญ่
- กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
- นำท่านเดินทางสู่ เมืองบราน (BRAN) ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออก ระยะทางห่างประมาณ 30 กม. เมืองบราน เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงมากอีกเมืองหนึ่งของโรมาเนีย เมืองซึ่งได้ชื่อว่าเป็นที่อยู่ของแวมไพร์หรือแดร๊กคูล่า
- นำท่านเข้าชม ปราสาทบราน (Bran Castle) หรือที่รู้จักกันในนามของปราสาทแดร๊กคูล่า(Dracula’s Castle) ปราสาทนี้ถูกสร้างขึ้นในในศตวรรษที่ 14 เป็นปราสาทที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดในโรมาเนีย ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอดสร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมควบคุมเส้นทางการค้าและเก็บภาษีระหว่างแคว้นวาลันเซียและแคว้นทรานซิลวาเนีย ภายในตัวปราสาทมีห้องต่างๆมากมาย ซึ่งจัดแสดงวิถีความเป็นอยู่ ห้องแสดงอาวุธโบราณ ตู้โบราณอายุหลายร้อยปีที่แกะสลักลวดลายสวยงดงาม นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้อีกมากมาย ให้ท่านได้ชมและถ่ายรูปตามอัธยาศัย
- หลังจากนั้นมุ่งหน้าตะวันตกสู่เมืองซิบิว(Sibiu) เมืองที่เมื่อปี ค.ศ.2007 ได้รับเกียรติให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมยุโรปเลยทีเดียว (European Capital of Culture 2007) ขึ้นฃื่อว่าเป็นสถานที่สวยงามที่สุดในยุโรปอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองบูดาเรสต์ (Bucharest) แห่งทรานซิลเวเนีย (Transylvania) ตั้งอยุ่ทางตอนกลางของประเทศ เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญทีสุดของโรมาเนีย (Romania) เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้
- ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
- พักที่ HOTEL GOLDEN TULIP ANA TOWER หรือเทียบเท่า
11
Day 11 : ซิบิว-ทิมิโชวอาร่า-เบลเกรด
- เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
- นำท่านชมจัตุรัสฮูเอท (Huet Square) ซึ่งเป็นจัตุรัสใจกลางเมือง เป็นสถานที่ที่ผู้คนมาพบปะและสังสรรค์
- นำท่านแวะถ่ายรูปกับสะพานโกหก (Liar’s bridge) ซึ่งคนในสมัยก่อนเชื่อว่าหากพูดโกหก สะพานแห่งนี้ จะทรุดตัวลง จากนั้นอิสระให้ท่านได้เดินเล่นในเมืองและเก็บภาพอาคารสวยงามที่สร้างไว้โดดเด่น
- หลังจากนั้นเดินทางสู่เมืองทิมิโชวอาร่า (Timisoara) ประเทศโรมาเนีย
- กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
- นำท่านชมเมือง เมืองทิมิโชวอาร่า (Timisoara) ประเทศโรมาเนีย เป็นเมืองใหญ่เป็นที่ 4 ของประเทศโรมาเนีย ถูกขนานนามให้เป็นเมืองดอกไม้ เพราะแวดล้อมไปด้วยสวนเขียวขจีและดอกไม้สวย เป็นเมืองที่มีบรรยากาศโรแมนติกในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแห่งนี้
- หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเบลเกรด (BELGRADE) ประเทศเซอร์เบียเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเซอร์เบีย มีการตั้งถิ่นฐานครั้งแรกในบริเวณนี้ตั้งแต่สมัยก่อนยุคประวัติศาสตร์ เมื่อ 5,700-4,800 ปีก่อนคริสต์ศักราช จุดเริ่มต้นของเมืองถูกก่อตั้งโดยชาวเคลต์กลุ่ม Scordisci ในศตวรรษที่สามก่อนศริสตศักราช ก่อนจะกลายมาเป็นที่ตั้งของเมืองโรมันในนาม Singidunum นับแต่อดีตมาเบลเกรดเป็นป้อมปราการที่สำคัญให้แก่ชนกลุ่มต่างๆตลอดระยะเวลากว่าสองพันปี ถูกทำลายแล้วสร้างกลับขึ้นมาใหม่หลายสิบครั้งด้วยประชาการกว่า 1,600,000 คน ปัจจุบันนี้ เบลกราดก็ถือเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศที่อดีตเคยรวมตัวกันเป็นยูโกสลาเวีย เป็นที่ตั้งของสนามบินที่เพียงแห่งเดียวในการเดินทางเข้าสู่เซอร์เบีย นับได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา การคมนาคมและการท่องเที่ยวของประเทศ ป้อมปราการ Kalemegdan อายุกว่าสองพันปีเป็นสถานที่นักท่องเที่ยวไปควรพลาด รวมถึงควรได้มีโอกาสชมความของโบสถ์คริสต์แบบออโธด็อกที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ชื่อว่า โบสถ์เซนต์ซาวา St. Sava อีกสถานที่เล็กๆ แต่ถือว่าเป็นสถานที่สำคัญของเซอร์เบียก็คือ สุสานตีโต ผู้รวมชาติยูโกสลาเวียในอดีต
- ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
- พักที่ HOTEL ASTRORIA หรือเทียบเท่า
12
Day 12 : เบลเกรด-โนวิซาด-เบลเกรด
- เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
- นำท่านเดินทางสู่ เมืองโนวิซาด (Novisad) เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศเซอร์เบียที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ เป็นศูนย์กลางด้าน วัฒนธรรมและเศรษฐกิจของประเทศ นำท่านเดินชมเมืองสวยริมแม่น้ำดานู้บ ที่มีพื้นที่เป็นถนนคนเดิน และสถานที่สำคัญต่างๆ มากมาย อาทิ โรงละครแห่งชาติ ศาลาว่าการเมืองอันงามสง่าในศิลปะแบบเรอเนสซองส์ อนุสาวรีย์อดีตนายกเทศมนตรีผู้โด่งดังผู้ต่อต้านอาณาจักรออตโตมันเติร์ก ผ่านชมโบสถ์พระแม่ มาเรีย ศิลปะแบบนีโอโกธิค ,สถานที่พำนักของบิชอปในนิกายเซอร์เบียออร์ธอดอกซ์ที่งดงามด้วยศิลปะแบบเซอร์เบีย-ไบแซนไทน์ เชิญท่านเดินเล่นชมเมือง หรือช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
- กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
- นำท่านออกเดินทางสู่ กรุงเบลเกรด (Belgrade) เป็นเมืองหลวง และเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเซอร์เบีย คาดว่ามีการตั้งถิ่นฐานครั้งแรกในบริเวณนี้ตั้งแต่สมัยก่อนยุคประวัติศาสตร์ เมื่อประมาณ 4,800 ก่อนคริสตกาล ที่ตั้งของเมืองก่อตั้งโดยพวกเคลต์ในศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล ก่อนจะกลายมาเป็นที่ตั้งของอาณาจักรโรมันแห่งซินกิดูนัม
- นำท่านชมความสวยงามของเขตเมืองเก่า ชม Tito’s grave เป็นสถานที่ระลึกถึงอดีตประธานาธิบดี ของยูโกสลาเวีย แวะชม จัตุรัส Teraze เป็นจัตุรัสที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมือง Belgrade และมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากมายให้อิสระท่านได้เก็บภาพความประทับใจตามอัธยาศัย
- จากนั้นนำท่านสู่ย่านถนนคนเดินเล่นและช้อปปิ้งที่ย่านเก่าแก่ Knez Mihailova ของเมืองเบลเกรด
- ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
- พักที่ HOTEL ASTRORIA หรือเทียบเท่า
13
Day 13 : เบลเกรด-มิวนิค
- เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
- นำท่านเดินทางสู่สนามบินเมืองเบลเกรด
- อิสระอาหารกลางวันในสนามบิน (เบี้ยเลี้ยงค่าอาหารท่านละ 15 EUR )
- 13.15 น. “เหินฟ้าสู่กรุงมิวนิค” โดยสายการบินลูฟฮันซ่า เที่ยวบินที่ LH1723 (บริการเสิร์ฟอาหารว่างและพักผ่อนบนเครื่อง)
- เดินทางถึง สนามบิน กรุงมิวนิค ประเทศเยอรมัน ผ่านพิธีการตรวจเอกสารคนเข้าเมืองและศุลกากร
- นำท่านทางเข้าสู่ศูนย์กลางบริเวณ “จัตุรัสมาเรียนพลัทซ์” ศูนย์กลางของมิวนิกอันเป็นที่ตั้งของเทศบาลเขตเมืองเก่าใจกลางเมือง นักท่องเที่ยวพลาดไม่ได้ที่จะชม “ตุ๊กตาเต้นรำ” ที่ประดับอยู่บนอาคารเทศบาลเมืองเก่าเวลา ให้ท่านได้สนุกสนานกับการช้อปปิ้งบริเวณ จัตุรัสมาเรียนพลัทซ์ กับสินค้าอันหลากหลายแหล่งรวมสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังหลากหลายยี่ห้อจากทั่วทุกมุมโลก และสินค้าที่ระลึกที่เป็นสัญลักษณ์ต่างๆของเมือง ตลอดจนร้านขายของที่ระลึกของสโมสรฟุตบอลอันยิ่งใหญ่บาร์เยิร์นมิวนิค
- ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
- พักที่ MERCURE HOTEL MUNCHEN ALTSTADT หรือเทียบเท่า
14
Day 14 : มิวนิค
- เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
- 10.00 น. นำท่านเดินทางไปยังสนามบินฯ เพื่อทำการตรวจเอกสารในการเดินทาง
- 14.25 น. “เหินฟ้าสู่กรุงเทพฯ” โดยเที่ยวบินที่ TG925 (รับประทานอาหารและพักผ่อนบนเครื่องบิน)
15
Day 15 : กรุงเทพฯ
- 06.10 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
วันเดินทาง
19 มีนาคม – 2 เมษายน 2563
09 – 23 เมษายน 2563
30 เมษายน – 14 พฤษภาคม 2563
04 – 18 มิถุนายน 2563
02 – 16 กรกฎาคม 2563
สายการบิน

Grand Balkans 15 DAYS 12 NIGHTS (TG)
DEPARTURE/RETURN LOCATION | สนามบินสุวรรณภูมิ (ฺBKK) | |||||||||
DEPARTURE TIME | โปรดเดินทางมาถึงอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง | |||||||||
INCLUDED |
|
|||||||||
NOT INCLUDED |
|
|||||||||
การชำระเงิน | หากท่านสนใจและประสงค์จะเดินทาง กรุณาจองทัวร์และชำระเงินมัดจำล่วงหน้า 40,000 บาท/ท่าน (เพื่อเป็นการยืนยันการเดินทางของท่าน) กรุณาชำระค่าทัวร์ส่วนที่เหลือล่วงหน้า 30 วัน ก่อนการเดินทาง หากท่านไม่ชำระเงินส่วนที่เหลือตามวันที่กำหนด ทางบริษัทฯ ถือว่าท่านยกเลิกการเดินทางโดยไม่มีเงื่อนไขท่านสามารถโอนเงินเข้ำบัญชีของบริษัทฯ ดังรำยละเอียดดังนี้ ![]() |
|||||||||
การยกเลิก และการเปลี่ยนแปลง |
|
|||||||||
ข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่า |
เอกสารประกอบการขอวีซ่า (ใช้เวลายื่น 15 วันทำการ) 1. หนังสือเดินทาง (Passport) หนังสือเดินทาง ต้องมีหน้าเหลือสำหรับประทับวีซ่าอย่างน้อย 2 หน้าต้องมีอายุการใช้งานเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน นับจากหลังวันเดินทาง หนังสือเดินทางห้ามชำรุด หรือขีดเขียนใดๆทั้งสิ้นภายในหนังสือเดินทาง (สำหรับท่านที่มีหนังสือเดินทางเล่มเก่า กรุณานำมาประกอบการยื่นวีซ่าด้วย เพื่อความสะดวกในการพิจารณาวีซ่าของท่าน) 2. รูปถ่าย รูปถ่ายสีหน้าตรงขนาด 1.5 x 2 นิ้ว จำนวน 2 ใบ (สัดส่วนใบหน้าโดยละเอียดเฉพาะใบหน้าสูง 3 ซม. วัดจากหน้าผากถึงคาง***) (ใช้รูปสีพื้นหลังขาวเท่านั้น ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือนและต้องไม่ซ้ำกับรูปวีซ่าที่มีในเล่ม สติ๊กเกอร์ใช้ไม่ได้, ห้ามสวมแว่นตาหรือเครื่องประดับ) และกรุณาเขียนชื่อ-นามสกุลตัวบรรจงไว้ด้านหลังรูป และให้ประกบด้านหน้าเข้าหากัน (กรุณาอย่าให้รูปเลอะหมึก และอย่าให้รูปมีรอยลวดเย็บกระดาษ เพราะสถานฑูตจะไม่รับรูปแบบนี้ ท่านอาจจะต้องถ่ายใหม่) 3. สำเนาทะเบียนบ้าน/บัตรประชาชน หรือ สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้าเคยเปลี่ยน) 4. หลักฐานการเงิน – กรณีผู้เดินทางออกค่าใช้จ่ายเอง ใช้ Bank Statement บัญชีออมทรัพย์ ย้อนหลัง 6 เดือน ของผู้เดินทาง ขอจากทางธนาคารเท่านั้น ต้องเป็น Statement ตัวเต็มจากธนาคารเท่านั้น ไม่ใช่สำเนาจากสมุดบัญชี และ อัพเดทไม่เกิน 15 วันหรืออยู่ในเดือนที่ยื่นวีซ่าสถานทูตไม่รับพิจารณาบัญชีกระแสรายวัน และสถานทูตไม่รับพิจารณาบัญชีฝากประจำ – กรณีผู้เดินทางไม่ได้ออกค่าใช้จ่ายเอง ใช้สำเนา Bank Statement บัญชีออมทรัพย์(ของผู้ที่ออกค่าใช้จ่าย) ย้อนหลัง 6 เดือน 5. หลักฐานการทำงาน(ภาษาอังกฤษและมีอายุ 1 เดือน นับย้อนหลังจากวันนัดสัมภาษณ์) – กรณีเป็นพนักงาน หนังสือรับรองการทำงานจากบริษัทฯ ระบุตำแหน่ง, เงินเดือน, วันเริ่มทำงานและช่วงเวลาที่อนุมัติให้ลาหยุด ต้องสะกดให้ตรงตามหน้าพาสปอร์ต – กรณีเจ้าของกิจการ สำเนาใบทะเบียนการค้าและหนังสือรับรองการจดทะเบียนที่มีชื่อของผู้เดินทางเป็นกรรมการหรือหุ้นส่วน พร้อมทั้ง เซ็นชื่อรับรองสำเนาและประทับตราบริษัทฯ (อายุสำเนาไม่เกิน 3 เดือน) – กรณีเป็นนักเรียน หรือ นักศึกษา ใช้หนังสือรับรองจากทางโรงเรียนหรือสถาบันที่กำลังศึกษาอยู่ (สถานทูตไม่รับเอกสารที่เป็นบัตรนักเรียน ไม่ว่าเป็นช่วงปิดเทอม และต้องมีอายุ 1 เดือน นับย้อนหลังจากวันนัดสัมภาษณ์) ต้องสะกดชื่อ-สกุล ให้ตรงตามหน้าพาสปอร์ต 6. กรณีที่เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ขอสำเนาสูติบัตร กรณีเด็กไม่ได้เดินทางพร้อมผู้ปกครอง (กรุณาขอ 2 ฉบับ เพื่อสำหรับยื่นวีซ่า 1 ฉบับ และอีก 1 ฉบับ รบกวนเตรียมมาวันเดินทางสำหรับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบิน) – หากเด็กเดินทางไปกับบิดาจะต้องมีใบรับรองจากมารดา โดยมารดาจะต้องคัดจดหมายยินยอมให้บุตรเดินทางไปต่างประเทศกับมารดาโดยมีการรับรองค่าใช้จ่ายพร้อมแจ้งความสัมพันธ์และยินดีชดเชยค่าเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นโดยคัดฉบับจริงจากอำเภอต้นสังกัด พร้อมฉบับแปลภาษาอังกฤษ พร้อมทั้งแนบสำเนาบัตรประชาชนหรือหน้าพาสปอร์ตมารดามาด้วย – หากเด็กเดินทางกับมารดาจะต้องมีใบรับรองจากบิดา โดยบิดาจะต้องคัดจดหมายยินยอมให้บุตรเดินทางไปต่างประเทศกับมารดาโดยมีการรับรองค่าใช้จ่ายพร้อมแจ้งความสัมพันธ์และยินดีชดเชยค่าเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นโดยคัดฉบับจริงจากอำเภอต้นสังกัด พร้อมทั้งแนบสำเนาบัตรประชาชนหรือหน้าพาสปอร์ตบิดามาด้วย – หากเด็กไม่ได้เดินทางทั้งกับบิดาและมารดา โดยบิดาและมารดาจะต้องคัดจดหมายยินยอมให้บุตรเดินทางไปต่างประเทศกับใคร โดยมีการรับรองค่าใช้จ่ายพร้อมแจ้งความสัมพันธ์และยินดีชดเชยค่าเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นโดยคัดฉบับจริงจากอำเภอต้นสังกัด พร้อมทั้งแนบสำเนาบัตรประชาชนหรือหน้าพาสปอร์ตบิดาและมารดามาด้วย พร้อมทั้งแนบสถานะทางการงานและการเงินของบิดาหรือมารดาเพื่อรับรองแก่บุตรด้วย – กรณีเด็กที่บิดา-มารดาหย่าร้าง จะต้องแนบสำเนาใบหย่า และมีการสลักหลังโดยมีรายละเอียดว่าฝ่ายใดเป็นผู้ดูแลบุตรแต่เพียงผู้เดียว – กรณีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี บิดา-มารดาลงชื่อรับรองในแบบฟอร์มสมัครวีซ่า 7. กรณีสมรสแล้ว สำเนาทะเบียนสมรส, สำเนาใบหย่า หรือ สำเนาใบมรณะบัตร (กรณีคู่สมรสเสียชีวิต) เอกสารยื่นวีซ่าอาจมีการปรับเปลี่ยนและขออัพเดทเพิ่มเติมได้ทุกเวลา หากทางสถานทูตแจ้งขอเพิ่มเติม *** ทางสถานทูตไม่ให้ดึงเล่มพาสปอร์ตในทุกกรณี หากลูกค้าจำเป็นต้องใช้พาสปอร์ตเดินทางในช่วงที่ยื่นวีซ่ากรุ๊ป ลูกค้าจะต้องไปแสดงตัวยื่นวีซ่าเดี่ยวเท่านั้นและต้องแนบตั๋วที่จะเดินทางก่อนหน้า เพื่อแจ้งให้สถานทูตรับทราบ ***1 |
|||||||||
เงื่อนไขอื่นๆ |
เอกสารประกอบการขอวีซ่า (ใช้เวลายื่น 15 วันทำการ) 1. หนังสือเดินทาง (Passport) หนังสือเดินทาง ต้องมีหน้าเหลือสำหรับประทับวีซ่าอย่างน้อย 2 หน้าต้องมีอายุการใช้งานเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน นับจากหลังวันเดินทาง หนังสือเดินทางห้ามชำรุด หรือขีดเขียนใดๆทั้งสิ้นภายในหนังสือเดินทาง (สำหรับท่านที่มีหนังสือเดินทางเล่มเก่า กรุณานำมาประกอบการยื่นวีซ่าด้วย เพื่อความสะดวกในการพิจารณาวีซ่าของท่าน) 2. รูปถ่าย รูปถ่ายสีหน้าตรงขนาด 1.5 x 2 นิ้ว จำนวน 2 ใบ (สัดส่วนใบหน้าโดยละเอียดเฉพาะใบหน้าสูง 3 ซม. วัดจากหน้าผากถึงคาง***) (ใช้รูปสีพื้นหลังขาวเท่านั้น ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือนและต้องไม่ซ้ำกับรูปวีซ่าที่มีในเล่ม สติ๊กเกอร์ใช้ไม่ได้, ห้ามสวมแว่นตาหรือเครื่องประดับ) และกรุณาเขียนชื่อ-นามสกุลตัวบรรจงไว้ด้านหลังรูป และให้ประกบด้านหน้าเข้าหากัน (กรุณาอย่าให้รูปเลอะหมึก และอย่าให้รูปมีรอยลวดเย็บกระดาษ เพราะสถานฑูตจะไม่รับรูปแบบนี้ ท่านอาจจะต้องถ่ายใหม่) 3. สำเนาทะเบียนบ้าน/บัตรประชาชน หรือ สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้าเคยเปลี่ยน) 4. หลักฐานการเงิน – กรณีผู้เดินทางออกค่าใช้จ่ายเอง ใช้ Bank Statement บัญชีออมทรัพย์ ย้อนหลัง 6 เดือน ของผู้เดินทาง ขอจากทางธนาคารเท่านั้น ต้องเป็น Statement ตัวเต็มจากธนาคารเท่านั้น ไม่ใช่สำเนาจากสมุดบัญชี และ อัพเดทไม่เกิน 15 วันหรืออยู่ในเดือนที่ยื่นวีซ่าสถานทูตไม่รับพิจารณาบัญชีกระแสรายวัน และสถานทูตไม่รับพิจารณาบัญชีฝากประจำ – กรณีผู้เดินทางไม่ได้ออกค่าใช้จ่ายเอง ใช้สำเนา Bank Statement บัญชีออมทรัพย์(ของผู้ที่ออกค่าใช้จ่าย) ย้อนหลัง 6 เดือน 5. หลักฐานการทำงาน(ภาษาอังกฤษและมีอายุ 1 เดือน นับย้อนหลังจากวันนัดสัมภาษณ์) – กรณีเป็นพนักงาน หนังสือรับรองการทำงานจากบริษัทฯ ระบุตำแหน่ง, เงินเดือน, วันเริ่มทำงานและช่วงเวลาที่อนุมัติให้ลาหยุด ต้องสะกดให้ตรงตามหน้าพาสปอร์ต – กรณีเจ้าของกิจการ สำเนาใบทะเบียนการค้าและหนังสือรับรองการจดทะเบียนที่มีชื่อของผู้เดินทางเป็นกรรมการหรือหุ้นส่วน พร้อมทั้ง เซ็นชื่อรับรองสำเนาและประทับตราบริษัทฯ (อายุสำเนาไม่เกิน 3 เดือน) – กรณีเป็นนักเรียน หรือ นักศึกษา ใช้หนังสือรับรองจากทางโรงเรียนหรือสถาบันที่กำลังศึกษาอยู่ (สถานทูตไม่รับเอกสารที่เป็นบัตรนักเรียน ไม่ว่าเป็นช่วงปิดเทอม และต้องมีอายุ 1 เดือน นับย้อนหลังจากวันนัดสัมภาษณ์) ต้องสะกดชื่อ-สกุล ให้ตรงตามหน้าพาสปอร์ต 6. กรณีที่เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ขอสำเนาสูติบัตร กรณีเด็กไม่ได้เดินทางพร้อมผู้ปกครอง (กรุณาขอ 2 ฉบับ เพื่อสำหรับยื่นวีซ่า 1 ฉบับ และอีก 1 ฉบับ รบกวนเตรียมมาวันเดินทางสำหรับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบิน) – หากเด็กเดินทางไปกับบิดาจะต้องมีใบรับรองจากมารดา โดยมารดาจะต้องคัดจดหมายยินยอมให้บุตรเดินทางไปต่างประเทศกับมารดาโดยมีการรับรองค่าใช้จ่ายพร้อมแจ้งความสัมพันธ์และยินดีชดเชยค่าเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นโดยคัดฉบับจริงจากอำเภอต้นสังกัด พร้อมฉบับแปลภาษาอังกฤษ พร้อมทั้งแนบสำเนาบัตรประชาชนหรือหน้าพาสปอร์ตมารดามาด้วย – หากเด็กเดินทางกับมารดาจะต้องมีใบรับรองจากบิดา โดยบิดาจะต้องคัดจดหมายยินยอมให้บุตรเดินทางไปต่างประเทศกับมารดาโดยมีการรับรองค่าใช้จ่ายพร้อมแจ้งความสัมพันธ์และยินดีชดเชยค่าเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นโดยคัดฉบับจริงจากอำเภอต้นสังกัด พร้อมทั้งแนบสำเนาบัตรประชาชนหรือหน้าพาสปอร์ตบิดามาด้วย – หากเด็กไม่ได้เดินทางทั้งกับบิดาและมารดา โดยบิดาและมารดาจะต้องคัดจดหมายยินยอมให้บุตรเดินทางไปต่างประเทศกับใคร โดยมีการรับรองค่าใช้จ่ายพร้อมแจ้งความสัมพันธ์และยินดีชดเชยค่าเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นโดยคัดฉบับจริงจากอำเภอต้นสังกัด พร้อมทั้งแนบสำเนาบัตรประชาชนหรือหน้าพาสปอร์ตบิดาและมารดามาด้วย พร้อมทั้งแนบสถานะทางการงานและการเงินของบิดาหรือมารดาเพื่อรับรองแก่บุตรด้วย – กรณีเด็กที่บิดา-มารดาหย่าร้าง จะต้องแนบสำเนาใบหย่า และมีการสลักหลังโดยมีรายละเอียดว่าฝ่ายใดเป็นผู้ดูแลบุตรแต่เพียงผู้เดียว – กรณีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี บิดา-มารดาลงชื่อรับรองในแบบฟอร์มสมัครวีซ่า 7. กรณีสมรสแล้ว สำเนาทะเบียนสมรส, สำเนาใบหย่า หรือ สำเนาใบมรณะบัตร (กรณีคู่สมรสเสียชีวิต) เอกสารยื่นวีซ่าอาจมีการปรับเปลี่ยนและขออัพเดทเพิ่มเติมได้ทุกเวลา หากทางสถานทูตแจ้งขอเพิ่มเติม *** ทางสถานทูตไม่ให้ดึงเล่มพาสปอร์ตในทุกกรณี หากลูกค้าจำเป็นต้องใช้พาสปอร์ตเดินทางในช่วงที่ยื่นวีซ่ากรุ๊ป ลูกค้าจะต้องไปแสดงตัวยื่นวีซ่าเดี่ยวเท่านั้นและต้องแนบตั๋วที่จะเดินทางก่อนหน้า เพื่อแจ้งให้สถานทูตรับทราบ *** |