สวัสดีค่าาาาาา เชื่อว่าทุกท่านคงคุ้นหูกับคำว่า “มรดกโลก” กันดีนะคะ ก็แหม ได้ยินว่าที่ไหนได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเราก็อยากตามไปดูความอลังการของที่นั่นสะให้เห็นกับตา เพราะการที่สถานที่นั้นๆ ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกก็ย่อมแสดงว่า สถานที่นั้นมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ทางวัฒนธรรม และทางธรรมชาติ ควรค่าแก่การอนุรักษ์และมีความสำคัญโดยรวมต่อมนุษยชนนั้นเอง
โดยในปัจจุบันนี้ทั่วโลกมีมรดกโลกมากถึง 1,221 แห่ง ใน 167 ประเทศ ทั้งทางวัฒนธรรม ทางธรรมชาติ และแบบผสม โดยในปีนี้ในทวีปเอเชียได้รับการจดทะเบียนทั้งหมด 11 แห่ง แต่น่าเสียดายไม่มีประเทศไทยของเรา ทุกท่านทราบมั้ยคะว่าประเทศไทยมีมรดกโลกกี่แห่ง? ติ๊กต๊อกๆๆ
ประเทศไทยมีมรดกโลกทั้งหมด 5 แห่งเป็นคำตอบสุดท้ายค่าาาา ได้แก่ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ – ห้วยขาแข้ง และ ผืนป่าดงพญาเย็นและเขาใหญ่ นั้นเองงงงง
เอาล่ะค่ะ เรามาดูกันดีกว่าว่า 11 สถานที่ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งใหม่มีอะไรบ้าง บางคนอาจไปเที่ยวมาแล้วก็ได้ใครจะไปรู้ อิอิ
1. เมืองพุกาม เมืองโบราณอายุนับพันปี จังหวัดมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า เพื่อนบ้านของเรานี่เองค่ะ ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกจากทะเลเจดีย์กว่า 2,000 องค์ หากใครต้องการมองวิวแบบ 360 องศา ท่านสามารถนั่งบอลลูนชมความสวยงามตระการตา ซึบซับกับบรรยากาศ มองลงมาด้านล่างจะเห็นเจดีย์สีทองอร่าม สวยงามเป็นอย่างยิ่งค่ะคุณขาาาา
2. ทุ่งไหหิน ในแคว้นเชียงขวาง สาธารณะรัฐประชาธิปไตรประชาชนลาว เป็นแหล่งโบราณคดีที่ประกอบไปด้วยหินรูปทรงไหขนาดใหญ่ อายุเกือบ 3,000 ปี กระจัดกระจายอยู่บนที่ราบสูงอันกว้งใหญ่ ให้ท่านได้เดินชมความสวยงามกันอย่างเพลิดเพลิน
3. เหมืองถ่านหิน เมืองซาวาห์ลุนโต จังหวัดสุมาตราตะวันตก ประเทศอินโดนีเซีย เป็นเมืองถ่านหินแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่โอบล้อมด้วยเทือกเขาอันเขียวขจี มีความร่มรื่น และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์สมัยที่ตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศเนเธอร์แลนด์
4. เขตรักษาพันธุ์นกอพยพ อ่าวปั๋วไห่ ประเทศจีน บริเวณทะเลเหลืองที่มีระบบนิเวศแบบหาดเลนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก มีนกหายาก นกสวยงามหลากหลายชนิดที่อพยพมาที่นี่ นักส่องนกไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งค่าาา
5. เมืองโบราณเหลียงจู่ มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน เป็นสถานที่ที่เเสดงถึงอารยธรรมฝั่งแม่น้ำแยงซีตอนล่าง สมัยกว่า 5,000 ปีก่อน ที่ทิ้งร่องรอยทางประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นโบราณสถาน โบราณวัตถุ ที่ชี้ให้เห็นว่าเคยเป็นเมืองที่รุ่งเรืองมากในอดีตกาล
6. กลุ่มสุสานโบราณ โมซุ ฟุรูอิจิ จังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น โดยเชื่อกันว่าเป็นที่บรรจุพระศพของอดีตพระจักรพรรดิ พระจักรพรรดินี และสมาชิกราชวงศ์ของญี่ปุ่น ประกอบไปด้วยเนินสุสาน 49 แห่ง ที่สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 4 – 5
7. สถาบันโทซัน โซลวอน จังหวัดคยองซังเหนือ ประเทศเกาหลีใต้ เป็นสถานที่ที่เเสดงถึงอิทธิพลของลัทธิขงจื้อ อายุกว่า 400 ปี ประกอบด้วยอาคารเก่าแก่ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามวัฒนธรรมของชาวเกาหลี
8. เมืองชัยปุระ หรือ นครสีชมพู เมืองเอกของรัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย อาคารบ้านเรือนเต็มไปด้วยสีชมพูสดใส แสดงถึงความโดดเด่นของเมือง เพื่อเป็นการต้อนรับเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดแห่งอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ. 2419 นอกจากสีสันของบ้านเมืองแล้วสีสันของวิถีชีวิตของคนที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีเสน่ห์ ชวนให้นักท่องเที่ยวอย่างเราเดินทางเข้าไปสัมผัส
9. นครบาบิโลน ประเทศอิรัก คุ้นหูใช่มั้ยล่ะคะ 555 จากการเรียนประวัติศาสตร์ท่านก็คงจะนึกถึงสวนลอยบาบิโลน 1 ในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณที่โด่งดังไปทั่วโลกนั้นเอง นครแห่งนี้มีอายุกว่า 4,000 ปี เป็นอาณาจักรที่สำคัญในยุคเมโสโปเตเมีย ซึ่งมีความรุ่งเรืองมาก ปัจจุบันมีการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ เช่น ประตูเมืองอิชตาร์ (Ishtar gate), กำแพงเมือง
10. ป่าฮีร์คาเนียน ประเทศอิหร่าน ตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งทางใต้ของทะเลแคสเปียน มีอายุมากถึง 25 – 50 ล้านปี โอ้โห นานมากกกกก ( ก ไก่ ล้านตัว ) ป่าแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์หายาก เช่น เสือดาวเปอร์เซีย ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และป่าแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก
11. เนินฝังศพ ประเทศบาห์เรน สร้างขึ้นเมื่อ 4,000 ปีก่อน ตามวัฒนธรรม วิถีชีวิตของชาวดิลมัน มีเนินดินเกือบ 12,000 เนิน ถือเป็นหลุมฝังศพโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ เยอะมากเลยนะคะ