วันเดินทาง
22 กันยายน - 01 ตุลาคม 2566 20-29 ตุลาคม 2566 18-27 พฤศจิกายน 2566 01-10 ธันวาคม 2566 26 ธันวาคม - 04 มกราคม 2567
สายการบิน


ตูนิเซีย สัมผัสอารยะธรรมคาร์เธจโบราณ ประเทศตูนิเซีย ประเทศอาหรับมุสลิมที่ตั้งอยู่ในแอฟริกาเหนือ ที่มีทรัพยากรการท่องเที่ยวคุณภาพ ซึ่งมีทั้งชายหาด ทะเลทราย อีกทั้งเมืองเก่าในยุคโรมัน ถือได้ว่ายังสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกของโลก ร่วมสัมผัสกับเมืองน้อยสุดแสนคลาสสิกและโรแมนติก ไปพร้อมๆกันกับเรา

1

Day 1: กรุงเทพฯ

 
  • 22.30 น. คณะพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ณ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ทางเข้าที่ 8 แถว Q เคาน์เตอร์สายการบินกาต้าร์ แอร์เวย์ (QR) เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกให้แก่ท่านในการเช็คอินและตรวจสัมภาระ
2

Day 2 : กรุงโดฮา-กรุงตูนิส-เมืองไครูอาน

  • 01.50 น. ออกเดินทางสู่ กรุงโดฮา โดยสายการบินกาต้าร์ แอร์เวย์ เที่ยวบิน QR 837
  • 05.15 น. เดินทางถึง กรุงโดฮา เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง
  • 09.15 น. ออกเดินทางสู่กรุงตูนิส โดยสายการบินกาต้าร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 1399
  • 13.45 น. เดินทางถึงกรุงตูนิส ประเทศตูนีเซีย หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและด่านศุลกากร  (อาหารกลางวันแบบกล่อง)

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองไครูอาน (Kairouan) ไครูน หรือคารวาน (Karwan) ในภาษาเปอร์เซีย เป็นอดีตเมืองหลวงของแม็กห์เร็บ (Maghreb) เป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมอิสลามที่ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก นำท่านผ่านชม เมืองไครูอาน เคยเป็นเมืองหลวงของมุสลิมมาตั้งแต่ ศตวรรษที่ 7 เพราะตั้งอยู่บนเส้นทางคาราวานที่สำคัญ กระทั่งยุคช่วงศตวรรษที่ 13 จึงย้ายเมืองหลวงไปที่ตูนิส และปัจจุบันเมืองเก่าไครูอาน ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก และเป็นศูนย์กลางการค้างานฝีมือทอพรมขนสัตว์ที่สำคัญ นอกจากนี้เมืองนี้ได้รับสมญานามว่า “CITY OF 50 MOSQUE” เมืองนี้จัดได้ว่าเป็นเมืองสำคัญทางศาสนาในแถบแอฟริกาเหนือ และมีความสำคัญเป็นอันดับ 5 รองจากเมกกะ, เมดินา, เยรูซาเลม และ คูฟา จากนั้นชมอ่างเก็บน้ำ AGHLABITE ซึ่งสร้างโดยผู้นำชาว Aghlabite ในยุคกลาง ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญด้านวิศวกรรมไฮโดรลิค ในยุคกลาง

  • ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
  • เข้าที่พัก โรงแรม HOTEL GOLDEN YASMINE KASBAH หรือเทียบเท่า
3

Day 3 : ไครูอาน – สบิทลา – กาฟซา – โทเซอร์

  • เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

  • นำท่านชม สุเหร่าใหญ่ (THE GREAT MOSQUE) หรือที่รู้จักอีกชื่อหนึ่งว่า “สุเหร่าซิดี อักบาร์” (MOSQUE OF SIDI OKBA) ตั้งชื่อตามผู้สร้างคือ AKBAR IBN NAFFI สุเหร่าแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 671 พร้อมกับการสร้างเมืองใหม่ในเวลานั้น โดยใช้หินจากวิหารของโรมันและโบสถ์ ไบเซนไทน์ในสมัยก่อน ทำให้สุเหร่ามีสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานทั้งโรมัน ฟินิกซ์ และ อารบิก สุหร่าแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นสุเหร่าที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปแอฟริกาเหนือ เป็นสุเหร่าที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอิสลาม ลานกว้างกลางสุเหร่านั้นใหญ่โตเกือบเท่าขนาดสนามฟุตบอล และทำห้องเก็บน้ำไว้ข้างใต้โดยภูมิปัญญาคนโบราณที่ล้ำลึก ในส่วนโถงสวดมีขนาดใหญ่มาก และหอคอยของสุเหร่ายังคงตั้งตระหง่านมากว่าหนึ่งพันสามร้อยปี เป็นต้นแบบของหอคอยสุเหร่าหรือมินาเรตในยุคต่อมา
  • จากนั้นนำท่านชมสุเหร่า ซิดี ซาฮาบ หรือ สุเหร่าเบอร์เบอร์ (MOSQUE OF THE BARBER) อันเป็นที่ฝังศพของ อาบู ซัมมา เอล บาลาวี (ABOU XAMMAA EL BALAOUI) ผู้ติดตาม นบีโมฮัมหมัด ศาสดาของศาสนาอิสลาม ซึ่งถูกสังหารในสงครามนอกเมืองไครูอาน และเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่เก็บเส้นเครา 3 เส้นของท่านนบีโมฮัมหมัด ซึ่ง อาบู ซัมมา เอล บาลาวี เก็บติดตัวไว้ตลอดเวลาเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ จึงถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในการจารึกแสวงบุญของชาวมุสลิม

  • ออกเดินทางสู่เมืองสบีทลา (SBEITLA) เมืองสบีทลา เป็นมืองโรมันโบราณ และเมืองอารยธรรมเก่าแก่ของพิวนิกที่บรรดาซากปรักของสิ่งก่อสร้างที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 7 ได้รับการดูแลเก็บรักษาไว้อย่างดีที่สุดในตูนีเซีย สบีทลา เป็นเมืองที่เกรกอรี ผู้ปกครองเมืองได้ประกาศอิสรภาพพ้นจากการอยู่ใต้อำนาจของอาณาจักรคริสเตียนไบเซนไทน์ ยกตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ และสถาปนาสบีทลาขึ้นเป็นเมืองหลวงแทนคาร์เธจ ในปี ค.ศ. 646 หลังจากได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังอาหรับมุสลิมตะวันออกอย่างลับมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 642 แต่ความฝันสามารถบรรเจิดได้ไม่ถึงปี กองทัพของจักรพรรดิเกรกอรี่ ก็พ่ายแพ้และพระองค์ก็ถูกฆ่าตายในปี ค.ศ. 647 ถึงแม้กองกำลังอาหรับได้ทอดทิ้งตูนิเซียให้โดดเดี่ยวนานกว่า 20 ปี แต่กระนั้นก็ได้จุดประกายการเริ่มต้นของการสิ้นสุดของคริสเตียนในตูนีเซีย
  • เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

  • บ่าย นำท่านชม เมืองโรมันโบราณซึ่งตั้งอยู่บนที่ราบนอกเขตเมืองใหม่ (Archaeological Park) เมืองโรมันโบราณอีกแห่งของตูนีเซีย เดิมเคยเป็นศูนย์กลางของชาวคริสเตียนในสมัยไบแซนไทน์ หลังจากนั้นอาณาจักรก็ล่มสลายลงจากการบุกรุกของชาวอาหรับ เป็นเมืองโรมันโบราณ และเมืองอารยะธรรมเก่าแก่ของพิวนิกที่บรรดาซากปรักของสิ่งก่อสร้างที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 7 และได้รับการดูแลเก็บรักษาไว้อย่างดีที่สุดในตูนีเซีย สบิทลา เป็นเมืองที่เกรกอรี ผู้ปกครองเมืองได้ประกาศอิสระภาพ พ้นจากการอยู่ใต้อำนาจของอาณาจักรคริสเตียนไบเซนไทน์ แล้วยกตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ์ พร้อมกับสถาปนาสบิทลาขึ้นเป็นเมืองหลวงแทนคาร์เธจ ในปี ค.ศ. 646 หลังจากได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังอาหรับมุสลิมตะวันออกอย่างลับๆ มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 642 แต่ความฝันสามารถบรรเจิดได้ไม่ถึงปี กองทัพของจักรพรรดิเกรกอรี่ ก็พ่ายแพ้และพระองค์ก็ถูกฆ่าตายในปี ค.ศ. 647 ถึงแม้กองกำลังอาหรับได้ทอดทิ้งตูนิเซียให้โดดเดี่ยวนานกว่า 20 ปี แต่กระนั้นก็ได้จุดประกรายการเริ่มต้นของการสิ้นสุดของคริสเตียนในตูนีเซีย แล้วนำท่านชมสถานที่ซึ่งเป็นแหล่งโบราณคดีในยุคสมัยโรมัน ที่สามารถบ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีตกาลได้เป็นอย่างดี จากซากปรักที่คงรูปทรงหลงเหลือให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นกำแพงซุ้มประตู ป้อมปราการ โรงละครกลางแจ้ง ฟอรั่มศาลากลาง โบสถ์คริสเตียน อ่างในพิธีแบปติส หรือศีลจุ่ม ห้องอาบน้ำ และอ่างอาบน้ำที่ปูพื้นด้วยเซรามิกประดับลวดลาย วิหารเทพ ตลาด และทางเดินที่ปูลาดรายเรียงด้วยก้อนหิน
  • เดินทางสู่เมืองโทเซอร์ (Tozeur) แล้วนำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก อิสระให้ท่านได้พักผ่อน หรือเก็บบันทึกทัศนียภาพและบรรยากาศยามเย็น
  • ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
  • เข้าสู่ที่พัก โรงแรม HOTEL GOLDEN YASMIN RAS EL AIN หรือเทียบเท่า
4

Day 4 : โทเซอร์-นั่งรถชมโอเอซิส-สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ สตาร์วอร์-โทเซอร์

  • เช้า  รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

  • ให้ท่านได้เก็บประสบการณ์ของการได้มาเยือนภุมิประเทศแถบทะเลทรายและโอเอซิสที่ให้ความชุ่ม ชื้นหล่อเลี้ยงพื้นที่และผู้นำท่านโดยสารรถขับเคลื่อน 4 ล้อสู่โอเอซิส 3 แห่งที่กล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในโอเอซิสที่สวยงามมากที่สุด ได้แก่ เชบิกา (Chebika) ทาเมอร์ซา (Tamerza) และไมเดส (Mides) เชบิกา (Chebika) ตั้งอยู่ที่เชิงเขา Djebel el เป็นที่รู้จักกันในนามว่า Qasr EL-Shams หรือปราสาทแห่งดวงอาทิตย์ ในยุคสมัยโรมันเป็นที่ตั้งของด่านหน้า และต่อมาเป็นที่ลี้ภัยองชาวเบอร์เบอร์ เป็นโอเอซิสภูเขาภายใต้ร่มเงาของต้นปาล์มอินทผาลัม มีแหล่งน้ำ น้ำตก และลำธารหล่อเลี้ยงความชุ่มชื้น ภาพยนต์เรื่อง Star War Episode IV ได้ใช้เป็นฉากการถ่ายอยู่หลายฉาก ทาเมอร์ซา (Tamerza) โอเอซิสภูเขาที่ใหญ่ที่สุดในตูนิเซีย และมีเมืองอยู่รอบนอกบริเวณเชิงเขา เต็มไปด้วยภูมิทัศน์ของแคนย่อนขุนเขาสูงชันแปลกตา กำแพงผาเป็นหินโค้ง มีน้ำพุที่ก่อตัวเป็นธารน้ำตกสองสายไหลหลั่งจากผาหินสีอมชมพูลงสู่หุบเบื้องล่าง สร้างความชุ่มชื้นต่อพืชพันธุ์ทำให้เจริญเติบโตแลดูสดชื่นเขียวขจีไปทั่งบริเวณ ไมเดส (Mides) โอเอซิสที่ถูกขนาบด้วยเขาลักษณะแคนย่อนที่ถูกกัดเซาะโดยสายน้ำในช่วงอดีตดึกดำบรรพ์ 2 ลูก เป็นแนวผาหินสีชมพูรูปทรงสวยงามมีความยาวถึง 3 กิโลเมตร สร้างความงดงามของภูมิทัศน์ธรรมชาติ และมีภัยธรรมชาติอันเกิดจากอุทกภัยในปี ค.ศ. 1969 เช่นเดียวกันกับที่เกิดขึ้นกับทาเมอร์ซา ได้ทำลายหมู่บ้านเก่าที่บ้านก่อด้วยอิฐฉาบโคลนไปสิ้น จึงต้องไปตั้งถิ่นฐานใหม่ไปสร้างบ้านสีขาวกระจัดกระจายท่ามกลางเนินเขาสูงเหนือหุบเหวลึก
  • จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก โรงแรม GOLDEN YASMIN RAS EL AIN HOTEL หรือเทียบเท่า
  • เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ โรงแรมที่พัก
  • บ่าย นำท่านเดินทางสู่ทะเลทราย โดยรถขับเคลื่อน 4 ล้อ เพื่อชม ฉากสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เรื่องสตาร์วอร์ ที่ถูกสร้างขึ้นกลางทะเลทราย เป็นฉากของ Mos Espa “รา ดิ มาร์ติโน” อาชีพช่างภาพและศิลปิน ใช้กูเกิล แมป ในการค้นหาสถานที่ที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์แฟนตาซีคลาสสิก”สตาร์วอรส์” ในทะเลทรายประเทศตูนิเซียก่อนจะเดินทางมาเยี่ยมชมถ่ายภาพด้วยตัวเอง โดยเป็นฉากของ“ดาวทาทูอิน”ซึ่งเป็นสถานที่เกิดของ“ลุค สกายว็อคเกอร์” ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1970 หรือ 40 กว่าปีมาแล้ว แน่นอนว่าหลายสถานที่ถูกกลืนอยู่ใต้ท้องทะเลทราย แต่ก็มีบางฉากยังคงอยู่ซากสถานที่ถ่ายทำหนังสตาร์วอร์ โดยทางการตูนิเซียได้สงวนสภาพสถานที่ถ่ายทำเหล่านี้ไว้เพื่อใช้เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่จากสภาพกาลเวลาที่ผ่านไป ทำให้ฉากหลายสถานที่ถูกกลืนอยู่ใต้ท้องทะเลทราย แต่ก็มีบางฉากยังคงอยู่ หลังจากได้ชมฉากถ่ายทำภาพยนตร์ และชมวิวพระอาทิตย์ตกกลางทะเลทรายแล้ว นำท่านเดินทางกลับสู่ที่พัก
  • ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
  • พักที่ โรงแรม GOLDEN YASMIN RAS EL AIN HOTEL หรือเทียบเท่า
  • ** หมายเหตุ กรุณาเตรียมกระเป๋า Over night bag เพื่อพักค้างคืนสำหรับคืนพรุ่งนี้ 1 คืน**
5

Day 5 : โทเซอร์-ทะเลเกลือ-ทาทาอุย

  • เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

  • นำท่านอำลาโทเซอร์มุ่งสู่ดูซ เดินทางโดยรถจโค้ช ระหว่างเส้นทางท่านจะตื่นตากับทัศนียภาพของทะเลเกลือในทะเลทราย Chott El Jerid Salt Lake คำว่า Chott ภาษาตูนิเซียแปลว่าทะเลสาบที่เหือดแห้งตลอดฤดูร้อน แต่บางครั้งยังคงมีน้ำเหลืออยู่ในฤดูหนาว ทะเลเกลือ Chott El Jerid มีบริเวณพื้นที่กว้างขวางถึง 5,000 ตารางกิโลเมตร และเมื่อหลายพันปีที่ผ่านมาบริเวณนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์เปลี่ยนเป็นพื้นดินทำให้เกิดการตกผลึกเป็นเกลือฝังลึกลงใต้พื้นผิว  แวะให้ท่านได้เก็บบันทึกภาพไว้เป็นที่ระลึก และเมื่อถึงเมืองดูซ เมืองที่ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศต้นทางของเส้นทาง ทรานส์ซาฮาร่าของกองคาราวาน

  • ให้ท่านได้ขี่อูฐ ที่เมืองดูซ ในทะเลทรายซาฮาร่า (ไม่รวมค่าขี่อูฐ 15 USD/ท่าน ท่านสามารถสอบถามได้จากหัวหน้าทัวร์)
  • เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
  • นำท่านเดินทางโดยรถ 4x4 ผ่านหมู่บ้านชาวเบอร์เบอร์ที่เมือง“เบนี เคเดช” (Beni Khedache) ชม Ksar El Ferch ป้อมปราการโบราณของชาวพื้นเมืองเบอร์เบอร์ ซึ่งในอดีตใช้เป็นป้อมปราการและยุ้งฉางในการเก็บพืชผลการเกษตร ที่ปัจจุบันได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ชมวิวพระอาทิตย์ตกกลางทะเลทราย จากนั้นเดินทางต่อสู่เมือง ซาร์ซีส (Zarzis) เมืองรีสอร์ทริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
  • ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
  • จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก โรงแรม HOTEL KSAR OULED DEBBAB หรือเทียบเท่า
6

Day 6 : ทาทาอุย-แมทมาท่า-สแฟกซ์

  • เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
  • เดินทางไปยังเมือง แมทมาท่า (Matmata) ดาราแห่งภาคใต้ เป็นเมืองขนาดเล็กที่ยังคงมีชาวเบอร์เบอร์อาศัยอยู่บางส่วนในถิ่นที่อยู่อาศัยโครงสร้างใต้ดินแบบดั้งเดิม (Troglodyte) โครงสร้างดังกล่าวคือการขุดหลุมขนาดใหญ่เป็นปล่องลึกลงไปในพื้นดินและหินราว 5 – 10 เมตร จนเกิดเป็นลานกว้าง จากนั้นขุดเจาะตามแนวกำแพงปล่องเป็นโพรงถ้ำเพื่อใช้เป็นห้องพัก และห้องต่างๆ โดยมีทางเดินแคบๆ เชื่อมต่อกัน มีบันไดทอดเทียบเพื่อลงไปสู่ลานบ้านหลุม และสามารถจัดเก็บได้เมื่อไม่ใช้งาน

  • เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

  • บ่าย ให้ท่านได้ชม ได้สัมผัสบรรยากาศและทัศนีย์ภาพที่แปลกตา แต่อาจะดูคุ้นๆ ว่าเคยได้เห็นจากที่ไหนมาก่อน ซึ่งไม่น่าที่จะแปลกใจหากท่านเคยชมภาพยนต์เรื่องสตาร์วอร์แล้ว นำท่านชมบ้านหลุมโทรโกลไดท์ ที่โด่งดัง พร้อมกับเก็บบันทึกภาพโรงแรม Sidi Driss ซึ่งถูกใช้เป็นฉากสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์เรื่อง Star Wars มหากาพย์ที่โด่งดัง เมื่อสมควรแก่เวลา นำท่านเปลี่ยนพาหนะการเดินทางจากรถขับเคลื่อน 4 x 4 เป็นรถโค้ชปรับอากาศ
  • มุ่งหน้าสู่ เมืองสแฟกซ์ (Sfax) เมืองท่าชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่สำคัญเมืองหนึ่งของตูนิเซีย สแฟกซ์ตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงตูนิสราว 270 กิโลเมตร เป็นเมืองที่สร้างขึ้นราวปี ค.ศ. 849 บนซากปรักของเมืองโบราณ ทาปารูรา และ ธาเอเน การผลิตและโรงงานผลิตปุ๋ยฟอสเฟตนับได้ว่าเป็นฐานเศรษฐกิจสำคัญของเมืองฯ นอกจากนั้นยังมีรายได้จากการเกษตรกรรมซึ่งก่อให้เกิดผลิตผลของสินค้าจำพวกน้ำมันมะกอก ผลมะกอก และถั่วชนิดต่าง ๆ รวมไปถึงการประมง ซึ่งสแฟกซ์เป็นสะพานปลา ท่าเรือประมงแห่งแรกของประเทศตูนิเซีย นำท่านชมตัวเมืองสแฟกซ์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ตูนิส เป็นเมืองหลวงของประเทศ แต่ สแฟกซ์ ถือได้ว่าเป็นเมืองรอง ในปี ค.ศ. 1980 สแฟกซ์ได้รับการพิจารนาให้เป็นเมืองหลวงทางเศรษฐกิจ แต่ก็เฉพาะในปีดังกล่าวเท่านั้น หลังจากนั้นนำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก
  • ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
  • จากนั้น นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก โรงแรม HOTEL GOLDEN YASMINE LES OLIVIERS PALACE หรือเทียบเท่า
7

Day 7 : สแฟกซ์-เอล เจม-ซูส-ฮัมมาเม็ต

  • เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
  • นำท่านโดยสารรถบัสปรับอากาศสู่ เมืองเอล เจม (El Jem) เป็นเมืองเล็กๆ ทางตะวันออกของประเทศฯ เป็นอดีตเมืองโรมัน หนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดในทวีปอัฟริกาต่อจากคาร์เธจ ซากปรักที่ยังความสมบูรณ์ของรูปทรงและการก่อสร้างของอัฒจันทร์ โคลอสเซี่ยม Amphitheatre ที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 230 – 238 หรือกลางศตวรรษที่ 3 เป็นโคลอสเซี่ยมที่ใหญ่โตพอๆ กับโคลอสเซี่ยมในกรุงโรม โดยมีความกว้าง 122 เมตร ยาว 148 เมตร สูง 35 เมตร สามารถจุผู้ชมได้ถึง 35,000 คน ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1979 ปัจจุบันเสียงคำราม เสียงร้องของเหล่าสัตว์ร้าย เสียงโหยหวนเจ็บปวดของเหล่านักสู้ ถูกเปลี่ยนเป็นเสียงอันไพเราะตามตัวโน๊ตของเสียงเพลงจากวงออร์เคสตร้า และโอเปร่าแสนเสนาะโสต ในงานดนตรีคลาสสิกทุกฤดูร้อนที่ถูกจัดขึ้นที่คอลอสเซี่ยมแห่งนี้ ซึ่งท่านจะได้มีโอกาสชมและเก็บบันทึกภาพโคลอสเซี่ยมแห่งเอล เยมนี้อย่างจุใจ

  • ชม พิพิธภัณฑ์เอล เจม (El Jem) เป็นพิพิธภัณฑ์โบราณคดีซึ่งมีคอลเล็กชั่นรูปปั้นหินอ่อนโบราณ เครื่องใช้ และชีวิตประจำวันของชาวโรมันที่ไม่เหมือนใคร นักท่องเที่ยวเรียกไข่มุกของพิพิธภัณฑ์ว่าโมเสกโรมันโบราณให้ทุกท่านได้ชม อาทิ ภาพวาดหัวของเมดูซ่า, แผงที่มีดาวเนปจูนในเรือและไดโอนิซุสแข่งในรถม้าที่วาดโดยเสือและกระเบื้องโมเสคหมายเหตุ : ในกรณีที่พิพิธภัณฑ์บาโด (Bardo Museum) ปิด ทางบริษัทจะพาคณะทัวร์ทุกท่านเข้าชมที่ พิพิธภัณฑ์เอล เจม (El Jem) แทน
  • จากนั้นเดินทางต่อ เมืองซูส (Sousse) ได้รับสมญานามว่า “อัญมณีแห่งซาเอล” เนื่องจากเป็นเมืองร่ำรวยและอุดมสมบูรณ์ด้วยไร่มะกอกที่เขียวขจี อิทธิพลโรมันยังคงปรากฏให้เห็นกับซากปรักหักพัง เช่นเดียวกับป้อมปราการและสุเหร่าแบบอาหรับที่ใหญ่โตงดงามเมืองซูส เป็นเมืองใหญ่อันดับสามของตูนีเซียและเก่าแก่มาตั้งแต่ ยุคฟินิ ให้ท่านเดินชมป้อมปราการเมืองซูส (ภายนอก) และตลาดขายของพื้นเมืองบริเวณป้อมปราการ
  • เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

  • บ่าย นำท่านแวะถ่ายรูป พอร์ต เอล กานตาวี (Port El Kantaoui) มารีน่าหรูหราร่วมสมัยและเต็มไปด้วยเรือใบและเรือยอช โรงแรมที่พักสุดหรูเรียงรายอยู่ตามแนวชายหาด ท้องทะเลที่ส่งประกรายสดใส อาคารบ้านเรือนร้านค้ากับเสน่ห์แห่งสีสันขาวตัดกับฟ้า และถนนปูลาดด้วยก้อนหินก้อนโตตามสไตล์ของตูนิเซียน ร้านขายของที่ระลึก สินค้าพื้นเมือง ทัศนีย์ภาพที่ได้พบเห็นจะสร้างความประทับใจให้ท่านอย่างมิรู้เลือน

  • นำท่านเดินทางต่อไปยัง เมืองฮัมมาเมต (Hammamet) รีสอร์ทตากอากาศและสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตติดอันดับต้น ๆ เป็นเมืองชายทะเลเมดิเตอร์เรเนียนยอดนิยมของชาวตูนิเซีย ซึ่งได้ถูกเปรียบเปรยให้เป็น Tunisian Saint Tropez เลยทีเดียว เวิ้งอ่าวฮัมมาเมต มีหาดทรายที่เหมาะแก่การลงเล่นน้ำ ชายหาดที่มีทรายเม็ดละเอียด น้ำทะเลเป็นประกาย เรือประมงสีสด ช่างเป็นภาพที่ชวนมองยิ่งนัก ฮัมมาเมตมีต้นแจสมิน (Jasmine) มีลักษณะคล้ายพุทธชาดและมะลิอยู่ทั่วไป ดังนั้นชื่อนี้จึงถูกนำมาใช้เรียกเขตที่ตั้งของรีสอร์ท และโรงแรมหรูหราสำหรับนักท่องเที่ยวว่า แยสมิน ฮัมมาเมต (Yasmine Hammamet) อีกทั้งของที่ระลึกทำจากแจสมินสามารถพบเห็นได้ และฮัมมาเม็ตยังได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพการประชุมลูกเสือโลกในปี ค.ศ. 2005 อีกด้วย ที่บริเวณรอบกาย
  • ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
  • จากนั้น นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก โรงแรม RADISSON BLU PALACE RESORT&THALASSO 5* หรือเทียบเท่า
8

Day 8 : ฮัมมาเม็ต-นาเบิล-ตูนิส

  • เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
  • นำท่านสู่บริเวณที่ตั้งของป้อมปราการเก่าแก่ของเมืองที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งด้านตะวันตก เป็นสิ่งก่อสร้างโบราณสถานคู่บ้านคู่เมืองฮัมมาเมต ซึ่งในอดีตใช้เป็นปราการป้องกันการรุกรานของศัตรู เดินเท้าผ่านเส้นทางแคบๆ สู่จัตุรัสเมดิน่า ให้ท่านได้เก็บบันทึกภาพนางเงือกรูปหล่อสัมฤทธิ์ในสไตล์ของตูนิเซีย โดยมีกำแพงและป้อมปราการเป็นฉากหลังและเมื่อท่านมองไป ท่านจะรู้สึกตัวว่าได้อยู่ท่ามกลางแหล่งช้อปปิ้งรายล้อมไปด้วย ร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านอาหาร แผง เพิงขายของพื้นเมือง งานหัตถกรรม ของฝาก ของที่ระลึก ซึ่งจะฉุดรั้งความสนใจให้ท่านต้องแวะชม อิสระให้ท่านได้เดินเล่นใจกลางเมือง จากนั้นเดินทางไปเยือนเมืองนาเบิล (Nabeul) ให้ท่านได้สัมผัสกับบรรยากาศของเมืองเล็ก ๆ แต่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญในแถบอ่าวฮัมมาเมต ซึ่งสามารถสังเกตุได้จากตัวแทนการท่องเที่ยวและโรงแรมที่พักที่มีมากมายสองฟากถนนในนาเบิล ชายหาดของนาเบิลก็มีความสวยงามยิ่ง ภายในตัวเมืองเต็มไปด้วยชีวิตชีวา จัตุรัสกลางเมือง หรือเมดิน่าเต็มไปด้วยร้านค้าเครื่องปั้นดินเผาสไตล์เฉพาะของชาวตูนิเซีย ซึ่งท่านจะสังเกตุเห็นอนุสาวรีย์เครื่องปั้นดินเผากลางถนนขณะที่จะผ่านเข้าสู่ตัวเมือง ที่ร้านค้าพืชพันธุ์ทางการเกษตรในนาเบิลนี้ ท่านสามารถเลือกซื้ออินทผาลัมของตูนีเซียที่มีอยู่นับร้อยสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่ถือได้ว่าดีที่สุดในโลกได้แก่ Deglet Noor หรือ Finger of Light เป็นสายพันธุ์ที่มีมากในอัลจีเรีย และตูนิเซีย
  • เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

  • บ่าย นำท่านเยือน เมืองคาร์เธจ (Carthage) โบราณสถานในยุคกรีกโบราณ นครคาร์เธจที่ถูกสร้างขึ้นโดยชาวฟินิเซีย ตั้งอยู่บนแหลมบริเวณเวิ้งอ่าวตูนิส ทำให้ได้เปรียบในด้านการเดินเรือ และเป็นยุทธศาสตร์การค้าทางทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่สำคัญ เป็นจุดการส่งผ่านขึ้นเรือทุกลำที่จะข้ามทะเลสู่เกาะซิซีลี แต่ประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องแท้จริงของนครคาร์เธจนั้นสูญหายไปพร้อมๆ กับการสูญสลายจากการพ่ายแพ้ต่อกองทัพโรมันในสงครามพิวนิก ครั้งที่ 3 ที่โรมันได้เผาทำลายนครคาร์เธจจนสิ้นซาก ดังนั้นตำนานคำบอกเล่าต่างๆ ที่เกี่ยวกับนครคาร์เธจจึงเป็นเพียงจดหมายเหตุและตำนานจากการบอกเล่าของโรมัน อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาโรมันได้กลับมาสร้างเมืองคาร์เธจให้โชติช่วงขึ้น ใหม่บนซากปรักหักพัง พร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นโรงละคร วิลล่า และห้องอาบน้ำ นครคาร์เธจกลายเป็นเมืองหลวงของการบริหารในอัฟริกา นำท่านชมซากปรักหักพังแต่ทรงคุณค่าทางโบราณคดี ซึ่งได้มีการระดมนักโบราณคดีจากหลายชาติมาช่วยบูรณะพื้นที่ที่ครอบคลุม เมืองพิวนิกและโรมันโบราณ จึงได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ในปี ค.ศ.1979 ผ่านชมโรงละครโรมันโบราณซึ่งยังคงถูกใช้สำหรับงานเทศกาลฤดูรอนของคาร์เธจในทุกวันนี้

  • นำท่านชมห้องอาบน้ำร้อนแอนโตนิน (The Baths of Antonin) หนึ่งในห้องอาบน้ำที่ใหญ่ที่สุดที่สร้างขึ้นภายใต้อาณาจักรโรมัน กับห้องเย็นที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก ด้วยความยาวงถึง 47 เมตรและสูง 15 เมตร จากนั้น

  • จากนั้น นำท่านชม เมืองเก่าตูนิส (MEDINA OF TUNIS) ชมภาพย้อนกาลเวลา สู่เขตซึ่ง ผู้คนยังสวมชุดยาวกรอมเท้าใส่หมวกทรงกลมสีแดงเข้ม นั่งดูดมอระกู่ จิบชาสะระแหน่หรือกาแฟข้นเลื่องชื่อผู้คนเจรจาซื้อขาย สินค้าเฉกเดียวกับที่บรรพบุรุษชาวอาหรับเคยทำมานับร้อยปี ไม่ว่าจะเป็น พรมทอมือเครื่อง ทองเหลือง เครื่องหนัง เสื้อผ้า จนถึงน้ำหอมและเครื่องเทศกลิ่นฉุนในเมดิน่าเสมือนกับท่านเดินย้อนสู่กาลเวลา เพลิดเพลินเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย
  • ค่ำ จากนั้น นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก โรงแรม SHERATON TUNIS HOTEL 5* หรือเทียบเท่า
  • รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
9

Day 9 : ตูนิส-บาร์โด มิวเซียม-ซิดิ บูซาอิด-โดฮา

  • เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
  • นำท่านชม ซิดิ บู ซาอิด (Sidi Bou Said) หมู่บ้านชาวมัวร์ หมู่บ้านสีฟ้าและสีขาว น่ารัก จากหน้าผาท่านสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์แสนงดงามของอ่าวตูนิส ที่มีตำนานเล่าขานไว้ว่า  นักบุญหลุยส์ผู้ซึ่งเสร็จจากศึกสงครามได้มาถึงที่แห่งนี้ ได้ตกหลุมรักกับเจ้าหญิงเบอร์เบอร์ จึงตกลง   ใจอาศัยอยู่ ณ หมู่บ้านแห่งนี้อย่างสงบสุข จึงได้เปลี่ยนชื่อและกลายเป็นนักบุญอุปถัมภ์ของหมู่บ้านนี้              นำท่านเยี่ยมชมหมู่บ้านที่มีมนต์เสน่ห์และเรื่องราวที่แสนสุขสันต์ ท่านจะชื่นชมในความงามของ แหล่งท่องเที่ยวซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางทางศิลปะการใช้สีฟ้า และสีขาวไปทั่วเมืองซึ่งจะสร้างความประทับใจ  ให้แก่ท่านสุดล้นพ้น ท่านสามารถเดินสำรวจหมู่บ้านผ่านไปตามถนนที่ปูลาดด้วย  หินก้อนโตพาลัดเลาะ คดเคี้ยว ขึ้นสู่จุดชมวิว ที่ซึ่งท่านจะได้ชมทิวทัศน์ที่งดงามของทะเลสีมรกตและชายหาดทางตอนใต้ของอ่าวตูนิส ท่านอาจแวะนั่งจิบชามิ้นต์ผ่อนกระหาย ก่อนที่จะสาวเท้าก้าวต่อไป  ยังประภาคารวัง เดิมของ Baron d’ Erlanger ที่ถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านค้าสองข้างทางมีสินค้างาน ฝีมือของชาวตูนิส สินค้าของเก่าแก่โบราณ เครื่องประดับเงิน งานศิลปะ ส่วนด้านบริเวณตีนเขาสู่หน้าผา จะเป็นที่ตั้งของท่าเรือของหมู่บ้านซิดิ บู ซาอิด มารีน่าทันสมัย
  • จากนั้นนำท่านชมพิพิธภัณฑ์บาร์โด (Bardo Museum) ที่อดีตเป็นพระราชวังเก่าของบีย์ (Bey) ชื่อในตำแหน่งของผู้ครอบครองหรือประมุขของรัฐในอดีต อาคารพระราชวังมีความสำคัญทาง สถาปัตยกรรมในศตวรรษที่ 13 แบบดั้งเดิม และได้รับการบูรณะและขยับขยายมาโดยตลอด เป็น สถานที่ซึ่งได้รวบรวมสิ่งละอันพันละน้อย ร่องรอยในอดีตที่ดูน่าเลื่อมใส ทีถูกจัดแสดงเรียงตามวันและสถานที่แหล่งกำเนิด สะท้อนให้เห็นถึงศิลปะและวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชาวตูนิเซีย ตั้งแต่สมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์ จนถึงยุคของพิวนิก ชาวนครคาร์เธจ สู่ยุคโรมัน และจากยุคโรมัน สู่ยุค ของคริสเตียนไบเซนไทน์ จนถึงยุคอิสลาม เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สามารถบ่งสะท้อนให้เห็นถึงสภาวะของ การใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ในยุคสมัยนั้น ๆ เป็นอย่างดี และเป็นสถานที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุจากยุคก่อนประวัติศาสตร์เรื่อยมาจนถึงยุคร่วมสมัย อีกทั้งยังเป็นสถานที่เก็บสะสมชิ้นงานประดับ โมเสกที่ใหญ่ที่สุด สมบูรณ์ที่สุด และสวยงามที่สุดในโลก

หมายเหตุ : ในกรณีที่พิพิธภัณฑ์บาโด (Bardo Museum) ปิด ทางบริษัทจะพาคณะทัวร์ทุกท่านเข้าชมที่ พิพิธภัณฑ์เอล เจม (El Jem) แทน

  • เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร, อาหารท้องถิ่น
  • 13.30 น. นำท่านเดินทางสู่ สนามบินคาร์เธจ อินเตอร์เนชั่นแนล เมืองตูนิส
  • 16.05 น. ออกเดินทางสู่ กรุงโดฮา โดยสายการบินกาต้าร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR1400
  • 23.25 น. เดินทางถึง กรุงโดฮา เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง
10

Day 10 : โดฮา-กรุงเทพฯ

  • 02.20 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบินกาต้าร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ “QR980
  • 12.40 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้เลือน

 

 

เราชำนาญด้านการจัดทำทัวร์มากกว่า 15 ปี รับจัดกรุ้ปส่วนตัวทุกประเทศตามในแบบที่คุณต้องการ ตามเส้นทางทั่วโลก

Go Together Travel

โทร 02-2146088 ทุกวัน จันทร์ -ศุกร์ 09.00 -18.00 น.

วันเดินทาง
22 กันยายน - 01 ตุลาคม 2566 20-29 ตุลาคม 2566 18-27 พฤศจิกายน 2566 01-10 ธันวาคม 2566 26 ธันวาคม - 04 มกราคม 2567
สายการบิน

Tour Reviews

There are no reviews yet.

Leave a Review

Rating