เยือนเอเชียกลาง 3 ประเทศ 12 วัน 10 คืน
ทาจิกิสถาน – อุซเบกิสถาน – เติร์กเมนิสถาน
Central Asia – Land of Nomadic and Silk Road
พิเศษ!! ร่วมทริปกับ “คุณกาญจนา หงษ์ทอง” กูรูด้านการท่องเที่ยว และพิธีกรชื่อดัง
เอเชียกลาง เป็นพื้นที่กว้างใหญ่ในทวีปเอเชียที่ไม่มีทางออกทะเล มีคำนิยามที่ต่างกันออกไปสำหรับขอบเขตของดินแดนที่จัดอยู่ในภูมิภาคเป็นเอเชียกลาง และยังไม่มีคำนิยามใดที่เป็นที่ยอมรับโดยส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามลักษณะโดยทั่วไปของดินแดนในภูมิภาคนี้ คือ มีความเกี่ยวข้องทางประวัติศาสตร์กับกลุ่มชาวนอแมดและเส้นทางสายไหม ซึ่งทำให้ในอดีตนั้นดินแดนในภูมิภาคนี้ เป็นเสมือนเส้นทางของสินค้า คนเดินทาง รวมถึงแนวความคิดระหว่างยุโรป ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และเอเชียตะวันออก
ทาจิกิสถาน
- ชม เมืองคูจานด์ ที่มีประวัติความเป็นมากว่า 2,500 ปีก่อนคริสตกาล ลัดเลาะเมืองเก่า ชมตลาดปานชานเบ้, พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ และนั่งกระเช้าชมวิวแม่น้ำยามเย็น
- ชม เมืองอีสทาราฟชาน ศูนย์กลางการค้าในยุคโบราณบนเส้นทางสายไหม ชมเมืองเก่า ป้อมปราการ ตลาดพื้นเมือง และโรงเรียนสอนศาสนา ที่สวยงาม
- ชม เมืองเพนจิเค้นท์ ที่มีกลิ่นอายเปอร์เซีย สำรวจซากโบราณสถานซารามซ์ ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 5,000 ปี
- ชม ทะเลสาบอิสกันเดอร์กูล ที่สวยงามในหุบขาแฟน
- ชม พระพุทธรูปปางไสยาสน์ ที่ยาวถึง 14 เมตร ที่พิพิธภัณฑ์ของโบราณในเมืองดูชานเบ้
- ชม ป้อมปราการฮิสซ่าร์ และ อ่างเก็บน้ำนูเร็ค ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศทาจิกิสถาน
อุสเบกิสถาน
- ชม จัตุรัสอิสรภาพ และบริเวณโดยรอบ รวมถึง อนุสาวรีย์ อาเมียร์ ติมูร์ จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ และก่อตั้งอาณาจักรอุสเบกิสถาน
- ชม สถานีรถไฟใต้ดิน ที่สวยงาม และเพลิดเพลินกับการช๊อปปิ้งที่ ตลาดคอร์ซู
- ดินเนอร์ที่ ร้านอาหารไทย “ทับทิม” ร้านอาหารไทยหนึ่งเดียวในอุซเบกิสถาน
เติร์กเมนิสถาน
- ชม หลุมแก๊สดาร์วาซ่า หรือ “ประตูสู่นรก” Door to Hell ที่โด่งดัง
- พิเศษ!! พักค้างแรมในเต้นท์ กลางทะเลทรายคาลาคุมล์ ให้ท่านได้ใกล้ชิด และดูความสวยงามของ “ประตูสู่นรก” ในยามค่ำคืนที่สว่างรุ่งโรจน์ ท่ามกลางแสงดาว ถ้าท่านโชคดีอาจได้เห็นทางช้างเผือกด้วย
- ชม เมืองโบราณเมิร์ฟ ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
- ชม เมืองโบราณมาร์กัช ที่มีอายุกว่า 3,000 ปี
- ชม มัสยิดโบราณ ในสมัยอาหรับเซลจูก ที่มีอายุกว่าพันปี และ มัสยิดสมัยใหม่ ที่ใช้ทุนก่อสร้างกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ชม ฟาร์มม้า พันธุ์ที่ดีที่สุดในโลก และพลาดไม่ได้กับการชมของหายากใน พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ปิดท้ายด้วยการช๊อปปิ้งของที่ระลึก และสินค้าต่างๆ จากห้างสรรพสินค้าชั้นนำของประเทศเติร์กเมนิสถาน
Day 1: กรุงเทพฯ – ทาซเค้นท์
- 20.00 น. พร้อมกันที่ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 แถว W เคาน์เตอร์สายการบิน อุซเบกิสถาน แอร์เวย์ (HY) ประตูทางเข้าที่ 10 โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัท ฯ คอยให้การต้อนรับ ตรวจเอกสาร และสัมภาระ
- 23.00 น. ออกเดินทางสู่ เมืองทาซเค้นท์ ประเทศอุซเบกิสถาน โดยสายการบิน Uzbekistan Airways เที่ยวบินที่ HY 534 (ใช้เวลาบินประมาณ 06.30 ชั่วโมง) (รับประทานอาหารและพักผ่อนบนเครื่องบิน)
Day 2 : ทาซเค้นท์ - คูจานด์
- 03.35 น. เดินทางมาถึงสนามบินเมืองทาซเค้นท์ ผ่านพิธีตรวจเอกสารคนเข้าเมืองและศุลกากร
- เมืองทาซเค้นท์ (Tashkent) เป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของประเทศ มีความหมายว่า เมืองแห่งศิลา (The City of Stone) เป็นเมืองที่ใหญ่ประกอบไปด้วยโรงงานอุตสาหกรรม และเป็นศูนย์กลางของวัฒนะธรรมในเอเชียกลางมีประชากรประมาณ 2 ล้านคน เป็นเมืองที่ถูกล้อมรอบด้วยประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล
- นำท่านเดินทางสู่ ด่านชายแดนข้ามประเทศ สู่ เมืองคูจานด์ ประเทศทาจิกิสถาน (ระยะทางประมาณ 167 กม. ใช้เวลาประมาณ 3 ชม.)
- เช้า รับประทานอาหารเช้า ระหว่างทาง
- เมืองคูจานด์ เป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางการปกครองของแคว้นซูกด์ มีความใหญ่โตเป็นอันดับที่สองรองจากดูชานเบ้ ตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำเซียร์ดาร์ยา ในอดีตเคยมีชื่อเรียกหลายชื่อด้วยกัน คอดเจนด์ หรือ คอดเซ้นท์ จนถึงปี ค.ศ.1936 และ เลนินาบัด จนถึงปี ค.ศ. 1991
- 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
- นำท่านชมความสวยงามของตัว เมืองคูจานด์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีความเก่าแก่ที่นับย้อนไปได้ประมาณ 2,500 ปีก่อนคริสตกาล ที่ถูกสร้างขึ้นโดยพวกซิทเทียนที่เข้ามาตั้งหลักแหล่งอยู่ที่บริเวณนี้ ซึ่งเมื่ออเล็กซานเดอร์มหาราชได้เดินทัพเข้ามาเมื่อปี ค.ศ.329 ก่อนคริสตกาลก็ได้ตั้งชื่อเมืองนี้ว่า อเล็กซานเดรีย เอสชาเต้ (Alexandria Eschate) เพื่อให้เป็นฐานที่มั่นสำหรับกองทัพในการต่อต้านพวกซิทเทียนที่ได้อาศัยอยู่ก่อนทางด้านเหนือของแม่น้ำเซียร์ ดาร์ยา
- นำท่านไปชม อนุสาวรีย์อิสมาอิล โซมานี (Ismail Somani Monument) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการตั้งเมือง และการสร้างประเทศแห่งนี้ขึ้นมา ชม อนุสาวรีย์ของนักกวี รูดากี้ (Rudaki Monument) ซึ่งเป็นนักกวีเอกที่มีชื่อเสียงที่สุดในเอเชียกลาง
- จากนั้น นำท่านเดินชม ตลาดปานชานเบ้ (Panjshanbe Bazaar) ซึ่งเป็นตลาดแบบพื้นเมืองที่มีขนาดใหญ่และการค้าขายที่คึกคัก โดยด้านหน้ามีบริเวณที่กว้างใหญ่ และภายในเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีการค้าขายคึกคัก ตัวอาคารถูกสร้างด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค ตกแต่งภายในแบบยุคของโซเวียต ซึ่งภายในได้ถูกออกแบบใช้เป็นที่ขายสิ่งของได้มากมายหลายรูปแบบ มีทั้งพืชผัก ผลไม้สด อาหารสด ผลไม้แห้ง เนื้อต่างๆ ขนมปัง และอาหารที่ชาวทาจิกชอบรับประทาน และพร้อมทั้งเครื่องใช้ในครัวเรือนต่างๆมากมาย
- นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ (Khujand Historian Museum) ซึ่งเป็นสถานที่ที่ถูกจัดอยู่ในป้อมปราการที่เรียกว่า ป้อมคูจานด์ (Khujand Fortress) ที่สร้างขึ้นโดยคำสั่งของทีมูร์ มาลิค ที่เคยเข้ามาเป็นผู้บัญชาการกองทัพ เพื่อต่อต้านกองทัพของพวกมองโกลที่ได้ขยายอาณาจักรเข้ามาในบริเวณนี้เมื่อในปี ค.ศ.1219-1220
- จากนั้น นำท่าน นั่งกระเช้าลอยฟ้า (Cable car) ซึ่งข้ามแม่น้ำ ซาร์ ดาร์ย่า (Syr Darya) เพื่อชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ยามพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า กระเช้านี้เชื่อมระหว่างสวนสาธารณะโซโมนี่ และสวนสาธารณะคาโมลี่ คูจานด์ พาร์ค
- ค่ำ รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร
- พักที่ FIRUZ HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาวหรือเทียบเท่า
Day 3 : คูจานด์ - อีสทาราฟชาน – เพนจิเค้นท์
- 07.00 น. รับประทานอาหารเช้า ที่โรงแรม
- 08.00 น. จากนั้น นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองอีสทาราฟชาน (Istaravshan) ที่ตั้งอยู่ทางด้านใต้ (ระยะทางประมาณ 80 กม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.)
- เมืองอีสทาราฟชาน ได้ชื่อว่าเป็น เมืองแห่งพิพิธภัณฑ์ เป็นศูนย์กลางทางด้านการค้าขายในยุคโบราณที่มีชื่อเสียงในภูมิภาคเอเชียกลาง และเมื่อปี ค.ศ.2002 ได้มีการเฉลิมฉลองไปทั่วทั้งเมืองเมื่อมีอายุครบ 2,500 ปี ซึ่งได้ถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล ที่เห็นได้จาก ซากปราสาทอีสทาราฟชาน (Istaravshan Castle) ซึ่งเหลือเพียงซากกาแพงและป้อมปราการเพียงบางส่วน ที่ในอดีตได้ถูกสร้างขึ้นโดยกษัตริย์ไซรัสมหาราช ในสมัยราชวงศ์อะคาเมนิสแห่งเปอร์เซีย ซึ่งในสมัยนั้นได้มีการสร้างกาแพงป้อมปราการเพียง 3 ด้านและมีวิหารอยู่ด้านในที่ถูกล้อมรอบด้วยกาแพงที่มีความยาวประมาณ 6 กม. ในเวลาต่อมาเมืองอีสทาราฟชาน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่า บันจีกัท ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอุสทรัสชูน่า และประชาชนที่อยู่อาศัยในเมืองนี้เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถก็ได้สร้างปราสาทต่างๆขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม
- นำท่านชมความสวยงามของ เมืองอีสทาราฟชาน ที่มีความเก่าแก่กว่า 2,500 ปีและเป็นที่พักของกองคาราวานบนเส้นทางสายไหม จึงทำให้เป็นศูนย์รวมของพวกช่างฝีมือ ศิลปิน เมืองนี้จีงมีการสร้างที่อยู่อาศัยสลับซับซ้อน และมีการแกะสลักอย่างสวยงาม ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของพวกชนชั้นสูง เมื่อในยุคของพวกอาหรับได้เข้ามาในปี ค.ศ.822 เมืองนี้ได้กลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในโลกของอาหรับมุสลิมที่เข้ามาทาการค้าขายและได้ กลายเป็นจุดศูนย์กลางของการค้าพานิชย์ และพวกคาหลิปเฟต และได้นาเอาสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่ได้ถูกสร้างเป็นรูปโดมต่างๆที่มีความสวยงาม หลังจากนั้นในราวศตวรรษที่ 9-10 ก็ได้ถูกปกครองโดยพวกทาจิกของราชวงศ์ซาร์มานิดส์ และตามมาด้วยพวกกองทัพของพวกมองโกล โดยเจงกีส ข่าน ในศตวรรษที่ 13 และในศตวรรษที่ 14 ทัพของอาเมียร์ ตีมูร์ก็ได้บุกรุกเข้ายึดครองบริเวณแห่งนี้ และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น อูรา ทูเบ้ (Ura Tube) และต่อมาเมืองนี้ก็ได้มีพัฒนาให้มีความเจริญรุ่งเรือง และกลายเป็นจุดถ่ายเทสินค้าต่างๆจากอินเดียที่ได้กลายเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียว และต่อมาก็ได้ถูกผนวกเข้าเป็นดินแดนของรัสเซีย
- นำท่านชม โรงเรียนสอนศาสนา กุก กุมบาส (Madrassa Kuk-Gumbaz) ซึ่งสร้างตั้งแต่ ศตวรรษที่ 1600 โดย สุลต่าน อับดุล ลาทีฟ (Abdul Latif Sultan) ซึ่งเป็นลูกชายของข่าน อูลุก เบค (Ulug Beg) ผู้สร้างหอดูดาว อูลุก เบค ในเมืองซาร์มาคาน ประเทศอุซเบกิสถาน ตัวอาคารปูด้วยกระเบื้องสีฟ้าคราม มียอดโดมที่เป็นเอกลักษณ์และโดดเด่น โรงเรียนสอนศาสนาแห่งนี้ถูกปิดในสมัยโซเวียต แต่ปัจจุบันได้มีนักศึกษาจบการศึกษาจากที่นี่กว่าร้อยคน ทั้งด้านศาสนา, ภาษา และ คอมพิวเตอร์
- ชม ป้อมปราการ มัค แทปป้า (Mugh Tappa Citadel) ของชาวซ๊อกเดียนบนยอดเขา ซึ่งถูกพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ มหาราช บุกเข้าโจมตีในปี 329 ก่อนคริสตศักราช ประตูทางเข้าที่เห็นในปัจจุบัน ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 2002 ในช่วงฉลองครบรอบปีที่ 2500 ของเมืองอีสทาราฟชาน
- จากนั้น ชมย่านเมืองเก่า และตลาดพื้นเมือง
- 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
- จากนั้น นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองเพนจิเค้นท์ (Penjikent) ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ (ระยะทางประมาณ 250 กม. ใช้เวลาประมาณ 4 ชม.)
- เมืองเพนจิเค้นท์ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นซูกด์ทางด้านตะวันตก ซึ่งติดกับชายแดนอุซเบกิสถาน แต่ในภายหลังมีปัญหาทางด้านพรมแดนเลยทำให้ถูกปิดไป ดินแดนแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของพวกซ๊อกเดียน ชื่อของแคว้นนี้ก็อาจจะผันเปลี่ยนจาก ซีอกด์/ซ๊อกเดียน มาเป็น ซูกด์/ซูกห์เดียน
- นำท่านไปชมความสวยงามของ เมืองเพนจิเค้นท์ ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเซราฟชาน ซึ่งในอดีตเป็นที่อยู่อาศัยของพวกซ๊อกเดียน (Sogdiana) ที่มีความสัมพันธ์และเป็นดินแดนแห่งหนึ่งใน 23 เมืองใหญ่ของพวกเปอร์เซีย ในสมัยของราชวงศ์อะเคเมนิดส์ ที่ได้กล่าวถึงดินแดนแห่งนี้ว่าเป็นดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ รองลงมาจากเปอร์เซีย
- นำท่านไปชมซากปรักหักพังที่ได้มีการขุดค้นพบเมื่อปี ค.ศ.1975 ของเมืองซารามซ์ (Saramz Ancient Ruins City) ที่มีอายุเก่าแก่ประมาณ 5,000 ปีมาแล้ว ที่ตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเซราฟชาน ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 100 เฮกเตอร์ โดยยังมีหลักฐานให้เห็นของวิหารแห่งไฟ นอกจากนั้น ยังเป็นบริเวณที่มีการขุดเจาะพื้นที่ที่เป็นสินแร่ต่างๆ เช่น ทองแดง ตะกั่ว เงิน ทอง และยังมีอัญมณีที่มีค่ามากมาย
- 19.30 น. รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร
- พักที่ PARVIZ HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 3 ดาวหรือเทียบเท่า
Day 4 : เพนจิเค้นท์ – ไอนี่ - ดูชานเบ้
- 07.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
- 08.00 น. นำท่านไปชม อนุสรณ์สถานของรูดากี้ (Rudaki Mausoleum) ซึ่งเป็นนักกวีเอกที่มี ชื่อเสียงที่สุดในเอเซียกลาง ซึ่งตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้รับการศึกษาอย่างเต็มที่ แต่ก็มีความสามารถในการเรียนรู้ภาษาเปอร์เซียและเขียนบทกวีได้ไพเราะ
- จากนั้น นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองดูชานเบ้ โดยผ่านทาง เมืองไอนี่ (Ayni) และช่องเขาวาซอปของเทือกเขาแฟน (Varzob pass of Fan Mountain) ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออก (ระยะทางประมาณ 180 กม. ใช้เวลาประมาณ 3 ชม.)
- เทือกเขาแฟน (Fan Mountain) เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมและพื้นที่ปีนเขาในทาจิกิสถาน มีความสูงประมาณ 3,200 เมตร ถึง 5,060 เมตร เทือกเขา Fan เป็นส่วนที่สูงที่สุดของเทือกเขา Zeravshan โดยมียอดเขา 11 ยอดที่สูงกว่า 5,000 เมตร พร้อมรูปทรงแหลมที่แปลกตา ในหุบเขามีทะเลสาบ 30 แห่ง ทะเลสาบในหุบเขาที่ใหญ่ที่สุดคือ Iskanderkul Lake และที่สวยที่สุดและงดงามมีชื่อเสียงในด้านสีสันที่เป็นเอกลักษณ์ คือ Kulikalon Lake
- นำท่านชม ทะเลสาบอิสกันเดอร์กูล (Iskanderkul Lake) เป็นทะเลสาบบนภูเขาที่มีธารน้ำแข็งอยู่ในจังหวัด Sughd ของทาจิกิสถาน ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 2,195 เมตรบนเนินเขาทางเหนือของเทือกเขา Gissar ในเทือกเขา Fan มีรูปทรงสามเหลี่ยม มีเนื้อที่ 3.4 ตารางกิโลเมตร และลึก 72 เมตร ทะเลสาบนี้ได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบบนภูเขาที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในอดีตสหภาพโซเวียต และเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม
- 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
- นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองดูชานเบ้ (Dushanbe) ที่ตั้งอยู่ทางด้านใต้ ระยะทางประมาณ 134 กม. ใช้เวลาประมาณ 3 ชม.
- เมืองดูชานเบ้ (Dushanbe) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศทาจิกิสถาน คำว่า ดูชานเบ้ ในภาษาทาจิก มีความหมายว่า วันจันทร์ ซึ่งเป็นชื่อที่มาจากข้อเท็จจริงที่เมืองเป็นสถานที่ตั้งของหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงเรื่องตลาดวันจันทร์
- 19.30 น. รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร
- พักที่ ATLAS HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาวหรือเทียบเท่า
Day 5 : ดูชานเบ้
- 07.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
- 08.30 น. นำท่านไปชมความสวยงามของ เมืองดูชานเบ้ ที่ตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำที่ไหลมาบรรจบกัน 2 สาย คือ แม่น้ำวาร์ซอบ และ แม่น้ำโคฟานิฮอน เมืองหลวงแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณ 125 ตร.กม. และมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 780,000 คน
- นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์ของโบราณ (Museum of Antiquities) ซึ่งเป็นสถานที่ที่เก็บสะสมสิ่งของโบราณที่เป็นประวัติศาสตร์ของชาติ และเผ่าพันธ์ของชาวทาจิกในอดีต ที่ไม่ว่าจะเคยสามารถพูดภาษารัสเซียหรือภาษาทาจิกได้ ภายในได้สะสมสิ่งของที่มีเสน่ห์ และเป็นสิ่งของที่มีค่าน่าสนใจทางวัฒนธรรม และที่สำคัญมากคือ พระพุทธรูปนอนยาวถึง 14 เมตร (Reclining Buddha attaining final Nirvana) ที่นามาจากหมู่บ้านอจีน่า เทเป้ (Ajina Tepe Village)
- ในอดีตพวกแบคเทรียน (Bactrians) ซึ่งเป็นชนชาติอินโด-ยูโรเปียนที่ได้อพยพลงมาตั้งหลักแหล่งถิ่นฐานอยู่แถวบริเวณทางด้านเหนือของอาณาจักรเปอร์เซียโบราณที่อยู่ ใกล้ชิดกับพวกกันดาเรียนและกัมโบจา ซึ่งในปัจจุบันอยู่ทางด้านทิศเหนือของอิหร่านอยู่ติดกับอัฟกานิสถาน อุซเบกิสถานและทาจิกิสถาน โดยมีเมืองเคอร์กาน ทูเบ้ (Kurgan Tube) ที่ตั้งอยู่ทางด้านใต้ของทาจิกิสถาน ในอดีตเป็นเมืองของพวกแบค เทรียน พวกแบคเทรียนมีภาษาพูดเป็นของตนเอง และบางทีก็พูดภาษาอินโด-อิหร่าน ซึ่งในอดีตนับถือศาสนาลัทธิโซโรแอสเตรียนที่บูชาไฟ ในสมัยก่อนนั้นแคว้นแบคเทรีย เป็นเส้นทางผ่านที่สำคัญของการค้าขายจากอินเดียและจีน รวมทั้งเป็นเส้นทางสายไหมที่จะต้องผ่านแคว้นนี้ นอกจากนั้นยังเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ และทาให้เกิดชนเผ่าเร่ร่อนขึ้นเป็นจานวนมาก และยังเป็นแหล่ง กาเนิดทางด้านอารยธรรมมากว่า 2,000 ปี รวมถึงเป็นเส้นทางที่สำคัญในด้านการค้าขาย ทาให้เป็นจุดสนใจของพวกต่างชาติ และในเวลาต่อมาแคว้นแบคเทรีย ก็ได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์แห่งอาณาจักรเปอร์เซียในราชวงศ์อะคาเมนิดส์ จนถึงต่อมาในระยะต้นปี 327 ก่อนคริสตกาล อเล็กซานเดอร์มหาราชได้เข้ามาครอบครองพื้นที่แห่งนี้ และได้รับตัวธิดาของเจ้านครชื่อว่า เจ้าหญิงโรซาน่า (Roxana) มาเป็นชายา จากหัวหน้าชาวแบคเทรียนแห่งบอล์ค ชื่อว่า อ๊อกยาร์เทส (Oxyartes) เพื่อป้องกันหัวเมืองต่างๆ เหล่านั้นแข็งข้อ ไม่นานหลังจากการอภิเษก พระองค์ก็สามารถยุติสงครามในเอเชียกลางที่มีมานานถึง 2 ปีลงได้สำเร็จ พวกแบคเทรียนนี้ยังเป็นที่รู้จักกันในนามว่า ยาวานาส (Yavanas)ได้เข้าไปร่วมทางานในตาแหน่งที่สูงศักดิ์ ในราวประมาณปี 200 ก่อนคริสตกาลพวกเกรโก-แบค เทรียน ได้สร้างผลงานซึ่งเป็นที่ประทับใจให้กับอาณาจักรนี้โดยการกั้นพรมแดนจากทางด้านใต้ไปยังด้านตะวันตกของอินเดีย อย่างไรก็ตามในราวปี 135 ก่อนคริสตกาล อาณาจักรแห่งนี้ได้ถูกทาการย่ำยีจากการบุกรุกของพวกชนเผ่ายูชี (Yuezhi) ซึ่งมาจากจีนและในการบุกรุกครั้งนี้ ซึ่งต่อมาได้ทาให้เกิดมี อาณาจักรกุษาณะ (Kushan Empire/100 BC.-400 AD) เกิดขึ้น ซึ่ง มีอานาจมากในด้านการประสานงานทางศาสนาพุทธ จากสาเหตุนี้ทาให้พวกแบค เทรียน มิได้ปรากฏชื่อจากในด้านประวัติศาสตร์อีกเลย จนกระทั่งพวกอาหรับมุสลิมได้บุกเข้ามา พร้อมกับศาสนาอิสลาม อาณาจักรกุษาณะ ที่มีรากศัพท์มาจากภาษาจีนว่า กุ้ยชาง (Guishang) เป็นพวกชนเผ่าหนึ่งของ พวกยูชี (Yuezhi) ซึ่งเป็นชนเผ่าพันธุ์หนึ่งของอินโด-ยุโรเปียน ที่ได้มีการอพยพมาจากจีนด้านตะวันตกเฉียงเหนือ ลงมาทางด้านใต้ในราวปี 176-160 ก่อนคริสตกาล และเดินทางมาถึงถิ่นที่อยู่ของพวกแบคเทรียในราวปี 135 ก่อนคริสตกาล
- 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
- นำท่านไปชม สวนรูดากี้ (Rudaki Park) สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นเกียรติแด่ อบู อับดุบลาห์ จาฟาร์ โมฮัมหมัด รูดากี้ ซึ่งเป็นนักประพันธ์บทกวีที่มีชื่อเสียงชาวเปอร์เซียซึ่งอยู่ในปี ค.ศ. 858-941 เขาเกิดที่หมู่บ้านพานิรูดที่ตั้งอยู่ในเมืองเพนจิเค้นท์ ในชีวิตต่อมาได้ตาบอดสนิท แต่ความสามารถของท่านได้มีการเรียนรู้ถึงเรื่องราวต่างๆ และมีคุณสมบัติอันยอดเยี่ยม ได้กลายเป็นนักประพันธ์บทกวี วรรณคดีที่ยิ่งใหญ่ และมีชื่อเสียงของเปอร์เซียที่ทันสมัยกับเหตุการณ์ โดยการใช้อักษรของเปอร์เซียในการแต่งบทกลอนต่างๆ
- นำท่านไปเดินชม ตลาดชาห์มานซูร์ (Shar Mansur Bazaar) ซึ่งเป็นตลาดที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง จำหน่ายสินค้าหลากหลายชนิด ทั้งอุปโภค บริโภค ผัก ผลไม้ และถั่วชนิดต่างๆ ให้ท่านได้พักผ่อนเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัยนำ
- 19.30 น. รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร
- พักที่ ATLAS HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาวหรือเทียบเท่า
Day 6 : ดูชานเบ้ - ฮิสซ่าร์ - ดูชานเบ้ - ทาซเค้นท์
- 07.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
- 08.00 น. นำท่านออกเดินทางไปยัง หมู่บ้านฮิสซ่าร์ (Hissar Village) ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านใต้ของดูชานเบ้ ระยะทางห่างประมาณ 30 กม.
- ในอดีตบริเวณหมู่บ้านแห่งนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ที่เริ่มต้นในยุคหิน มีการสร้างที่พักพิงยาวไปตามหุบเขา แต่ต่อมาก็ได้ถูกทำลายโดยพวกที่บุกรุกเข้ามา ซึ่งเริ่มขึ้นในสมัยของกษัตริย์ไซรัสมหาราชแห่งเปอร์เซีย อเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งมาซีโดเนีย เจงกีสข่าน อาเมียร์ ตีมูร์ และสุดท้ายก็เป็นพวกกองทัพแดงที่เข้าทำลายล้างจนพินาศราบลงกับพื้นดิน ซึ่งแต่ละครั้งก็ต้องใช้เวลานานในการก่อสร้างขึ้นมาใหม่ และผลสุดท้ายแทบจะไม่เหลือซากให้ชมมากมายนัก
- นำท่านชม ป้อมปราการฮิสซ่าร์ (Hissar Fortress) ซึ่งเคยเป็นปราสาทของเจ้าผู้ครองนครบูคาร่า ที่เข้ามายึดครองในปี ค.ศ. 1924 โดย อิบราฮิม เบค ป้อมแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ซึ่งมีการสร้างกำแพงที่สูงราว 1 เมตร และมีการเจาะเป็นช่องสำหรับการยิงปืนและปืนใหญ่ ภายในยังมีตกแต่งสระน้ำและสวนอีกด้วย และต่อมาก็ได้ถูกทำลายโดยกองทัพแดง
- 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
- นำท่านเดินทางไปชม อ่างเก็บน้ำนูเร็ค (Nurek Reservoir) ซึ่งเป็นสถานที่ที่สำหรับเก็บกักน้ำที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งมีพื้นที่กว้างใหญ่ประมาณ 11 ตร.กม. โดยมีความยาวของพื้นที่ประมาณ 70 กม. และพื้นที่สำหรับเก็บน้ำทั้งหมดประมาณ 100 ตร.กม. ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในด้านการชลประทานสำหรับปลูกพืชในเนื้อที่ประมาณ 700 ตร.กม
- ชม เขื่อนนูเร็ค (Nurek Dam) ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อกั้นการไหลและเก็บกักน้ำของแม่น้ำวาคสห์ ที่ไหลมาจากเทือกเขาปามีร์ เขื่อนนี้ใช้สำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้าซึ่งได้ติดตั้งเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีกำลังความสามารถ ทำให้เกิดการผลิตได้ประมาณ 3,015 เมกกะวัตต์
- จากนั้น นำท่านเดินทางกลับเข้าเมือง ให้ท่านได้ผ่านชม พระราชวังแห่งการรวมชาติ (Palace of Unity) หรือมีชื่อว่า พระราชวังวาห์ดัท (Vardat Palace) ที่ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของตัวเมือง ผ่านชมพระราชวังแห่งชนชาติ (Palace of Nations) สวนแห่งชัยชนะ (Victory Park) และป้อมปราการฮิสซาร์ (Fort Hissar)
- 19.30 น. รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร
- ได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางไปสนามบิน เพื่อขึ้นเครื่องไป เมืองทาซเค้นท์
Day 7
- 01.30 น. ออกเดินทางจาก ดูซานเบ้ สู่ กรุงทาซเค้นท์ โดยเที่ยวบินที่ HY 718 (เวลาบินประมาณ 1.50 ชม. /รับประทานอาหารและพักผ่อนบนเครื่องบิน)
- 02.30 น. เดินทางมาถึงสนามบินทาซเค้นท์ ที่ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของประเทศ
- นำท่านเข้าโรงแรมที่พัก
- พักที่ RAKAT PLAZA HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาว หรือเทียบเท่า
- เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
- นำท่านชม จัตุรัสอิสรภาพ (Independence Square) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองของทาซเค้นท์ เริ่มมีการขึ้นในปี ค.ศ.1991 เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นมาของอุซเบกิสถาน มีพื้นที่ที่เป็นแผ่นดินทองอันกว้างใหญ่มีคุณค่าในการเพาะปลูก ถึงแม้ว่าจะมีภูมิประเทศที่ไม่เหมือนที่ใดในโลกนี้ และยังเป็นสัญลักษณ์ของดินแดนแห่งใหม่ที่เป็นส่วนร่วมของชุมชนบนโลกใบนี้
- ชม อนุสาวรีย์ของแม่ที่มีความสุข (Happy Mother) ที่เป็นรูปปั้นแกะสลักที่มีความ สูง 6 เมตร และตัวเด็กมีความยาว 3.5 เมตร ที่ได้แสดงให้เห็นถึงสัญลักษณ์ของแม่ที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนได้กอดลูกที่จะเป็นอนาคตของชาติต่อไป ใบหน้าของแม่ที่เปี่ยมล้นไปด้วยความกรุณาและดวงตาที่มีความสุขของชีวิต ที่ได้ให้กับเด็กน้อยที่เปรียบเสมือนกับชาวอุซเบหนุ่มสาวทุกคนที่ได้อยู่ในประเทศที่มีความเป็นอิสระ ซึ่งมีแม่ที่คอยให้ความปกป้องและคุ้มกันเหมือนกับสมบัติอันล้ำค่าที่จะต้องเติบโตต่อไปในอนาคต
- นอกจากนั้น บริเวณรอบๆยังมีสถานที่ราชการทีสำคัญและที่ทำงานของประธานาธิบดีและรัฐมนตรีต่างๆหลายกระทรวง (สถานที่สำคัญแห่งนี้ไม่สามารถถ่ายรูปได้)
- นำท่านเดินชมส่วนต่างๆ ของบริเวณนี้ และต่อไปยังอีกส่วนหนึ่งที่จะต้องผ่านชม คือ วังที่พักของเจ้าชายแห่งโรมานอฟ (Prince Romanov Residence) คือ นิโคไล คอนสแตนติโนวิช ซึ่งเป็นหลานชายของจักรพรรดิแห่งนิโคไล ที่ 1 ที่ได้เสด็จหนี ออกมาอยู่ที่เมืองทาซเค้นท์ในปี ค.ศ.1877 เป็นวังที่ถูกสร้างขึ้นในราวปี ค.ศ.1891 และอยู่ในวังแห่งนี้จนเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1918 ซึ่งเป็นที่พักชั้นเดียวแต่ถูกสร้างขึ้นอย่างมีความสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมในการออกแบบของ เบน๊อตและเกย์ท เซลแมน ที่ได้ออกแบบสร้างด้วยศิลปะอันทันสมัยที่ล้ำยุคแห่งกาลเวลา และภายในยังเต็มไปด้วยการตกแต่งด้วยภาพแกะสลักภาพที่มีความสวยงาม
- 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
- นำท่านชมภายนอก โรงละครอลิสเชอร์ นาวอย (Alisher Navoi Opera and Ballet Theatre ) เป็นอนุสรณ์สถานที่มีชื่อเสียง และเป็นความภูมิใจอย่างยิ่งของอุซเบกิสถาน เพื่อระลึกถึงนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่มีผลงานทางด้านการประพันธ์ ศิลปะ และดนตรี และที่สำคัญยังมีบทบาททางด้านการเมืองด้วย ถูกออกแบบสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1947 โดยสถาปนิกชาวรัสเซียที่มีชื่อเสียงอยู่ในกรุงมอสโคว์ ชื่อ อเล็กเซย์ ชูเซฟ (Aleksey Shchusev) ซึ่งเคยเป็นผู้ออกแบบที่ฝังศพของเลนิน มาก่อน และต่อมาได้ถูกสร้างจนเสร็จเรียบร้อยในกลางศตวรรษที่ 20 โดยใช้แรงงานชาวญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ซึ่งถูกจับเป็นเชลยศึกในสมัยของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในโรงละครแห่งนี้มี 6 ห้องโถง ซึ่งแต่ละห้องได้ถูกสร้างขึ้นตามวัฒนธรรมของเมืองต่างๆ และได้ตั้งชื่อตามเมืองนั้นๆ เช่น ห้องทาซเค้นท์ ห้องบูคาร่า ห้องโคเรซม ห้องซามาร์คานด์ ห้องเฟอร์กาน่า และห้องเทอร์เมซ
- นำท่านชม อนุสาวรีย์และจัตุรัสอาเมียร์ ตีมูร์ (Amir Timur Monument and Square) เป็นบริเวณที่สวยงามเต็มไปด้วยร่มเงาของต้นไม้และล้อมรอบไปด้วยดอกไม้ที่มีสีสันสุดที่จะบรรยาย สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นอนุสาวรีย์ของรัฐบุรุษของชาติที่เป็นผู้ก่อสร้างอาณาจักรแห่งนี้ขึ้นมา ในสมัยของจักรวรรดิตีมูริด นอกจากนั้น บริเวณนี้ยังถูกล้อมรอบไปด้วยตึกต่างๆ ซึ่งถูกสร้างสมัยต่างๆในระยะเวลา 300 ปี
- นำท่านไปชม สถานีรถไฟใต้ดิน (The Tashkent Metro) เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียง พร้อมด้วยสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยตามรูปแบบที่สมบูรณ์ ที่เด่นชัด คือ สวยงาม ยั่งยืน ทนทาน และใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด รถไฟใต้ดินนี้ได้ถูกออกแบบและก่อสร้างขึ้นมาภายหลังจากที่ได้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงในปี ค.ศ.1966 ทำให้เมืองทาซเค้นท์ได้รับความเสียหาย และสิ่งต่างๆ ที่ไม่เอื้ออำนวยให้กับการก่อสร้างและต้องพร้อมที่รับมือกับการเกิดแผ่นดินไหว การก่อสร้างสถานีรถไฟใต้ดินจึงถูกสร้างไม่ให้มีความลึกมากนัก และผู้โดยสารก็สามารถเดินลงบันไดไปได้ด้วยความสะดวกสบาย
- นำท่านไปชม ตลาดคอร์ซู (Chorsu Bazaar) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นตลาดที่ยิ่งใหญ่ในเอเชียกลางและบนเส้นทางสายไหม ที่อยู่ภายใต้โดม 7 โดม ซึ่งได้ถูกแบ่งเป็นแหล่งสินค้าต่างๆจากพ่อค้า เกษตรกรที่ขายผลิตภัณฑ์ต่างๆ สัมผัสกับบรรยากาศแบบย้อนยุคอย่างที่เป็นในสมัยโบราณ แต่ได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ ให้ท่านได้พักผ่อน และสนุกกับการซื้อสินค้าในตลาดบาซาร์ที่มีผ้าแพรพรรณ พรม เครื่องทองเหลือง ผ้าขนสัตว์ เครื่องหนัง และสินค้าพื้นเมืองมากมาย
- 19.30 น. รับประทานอาหารค่ำที่ ภัตตาคารไทย “ทับทิม”
- พักที่ RAKAT PLAZA HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาว หรือเทียบเท่า
Day 8 : ทาซเค้นท์ - บูคาร่า - ฟาแรฟ - เมิร์ฟ - มารี
- เช้าตรู่ รับประทานอาหารเช้า แบบกล่อง จากนั้น นำท่านเดินทางไปสนามบิน เพื่อขึ้นเครื่องไปเมืองบูคาร่า
- 07.00 น. ออกเดินทางจาก ทาซเค้นท์ สู่ เมืองบูคาร่า โดยสายการบิน Uzbekistan Airways เที่ยวบินที่ HY 023
- 08.10 น. เดินทางถึง เมืองบูคาร่า
- 09.00 น. นำท่านเดินทางไป ด่านพรมแดน Alat ที่เมืองฟาแรฟ กั้นระหว่างอุซเบกิสถาน กับ เติร์กเมนิสถาน ระยะทางประมาณ 124 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.
- นำท่านผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง สู่ประเทศเติร์กเมนิสถาน
- จากนั้น นำท่านเดินทางไปชม เมืองโบราณเมิร์ฟ (Merv) (ระยะทางประมาณ 220 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชม.)
- เมืองโบราณเมิร์ฟ (Merv) เป็นเมืองโอเอซิสเก่าแก่บนเส้นทางสายไหมในเอเชียกลาง ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี บริเวณซากที่เหลือในโอเอซิสอันกว้างใหญ่นี้ แสดงให้เห็นประวัติศาสตร์ของมนุษย์ยาวนานกว่า 4,000 ปี เป็นสถานที่สำคัญทางโบราณคดี และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1999
- 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
- นำท่านชม ซากโบราณสถาน ที่ได้รับการกล่าวว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในช่วงเวลาสั้นๆ ในศตวรรษที่ 12 ชมอนุสรณ์ของเมืองในยุคก่อนประวัติศาสตร์ จากยุคที่ถูกปกครองโดยราชวงศ์อะเคเมนิดแห่งเปอร์เซียโบราณ ราว 530 ปีก่อนคริสตกาลที่มาปกครองใช้ชื่อว่า สะทราฟี (Satrapy) ต่อมาเมื่อกองทัพอันเกรียงไกรของอเล็กซาน เดอร์มหาราช เดินทัพผ่านเพื่อมุ่งพิชิตดินแดนในเอเชีย เมืองนี้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น มาร์เกียน่า (Margiana)
- จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ เมืองมารี (ระยะทางประมาณ 36 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที)
- เมืองมารี(Mary) ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออก เป็นเมืองหลวงของแคว้นที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเติร์กเมนิสถาน หรือที่เคยรู้จักกันในนามของ เมิร์ฟ, มารู และมาร์เยียน่า มารี เป็นเมืองโอเอซิสในทะเลทรายคาลาคุมล์ (Kara Kum Desert)
- 19.30 น. รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร / โรงแรม
- พักที่ MARY HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาว หรือเทียบเท่า
Day 9 : มารี - เมิร์ฟ - มาร์กัช - ทาลฮาทาน บาบา - มารี
- 07.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
- 08.00 น. นำท่านออกเดินทางไปยังพื้นที่ กอนูร์ เดพี (Gonur Depe) เป็นพื้นที่ในยุคสำริดในเติร์กเมนิสถาน ในครึ่งแรกของพันปีก่อนคริสตกาล ร่วมสมัยกับอารยธรรมสินธุและเมโสโปเตเมีย ในด้านเกษตรที่บริเวณแม่น้ำเมอร์กาบ ในภายหลังถูกเรียกว่า มาร์กัสห์ (Margush) ในพื้นที่ 3,000 ตร.กม. ประกอบด้วยมากกว่า 70 โอเอซิสและการตั้งหลักแหล่ง 150 แห่ง
- นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองโบราณมาร์กัช (Margush) เป็นสถานที่ทางโบราณคดีที่มีความสำคัญอีกแห่งหนึ่ง ระยะทางประมาณ 40 กม. ในอดีตเป็นพื้นที่ซึ่งมีการตั้งถิ่นฐานทางการเกษตรเป็นแห่งแรกในพื้นที่สามเหลี่ยมแม่น้ำมูร์ ดายาร์กับแม่น้ำมูร์กาบ ในราว 3,000 ปีก่อนคริสต์กาล ตะกอนจากภูเขาและน้ำท่าอันอุดมสมบูรณ์ รวมไปถึงสภาพภูมิอากาศที่อำนวย ทำให้การเพาะปลูกได้พืชผลที่เจริญงอกงามส่งให้เศรษฐกิจรุ่งเรือง ชื่อของเมืองมาร์กัชนั้น ปรากฎอยู่ในบันทึกโบราณของเปอร์เซีย แต่หลายศตวรรษต่อมากรีกได้เปลี่ยนไปเรียกขานชื่อเมืองว่า มาร์เยียน่า มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 3,000 ตร.กม มีโอเอซิสกว่า 78 จุด และกว่า 150 ชุมชน (เป็น 1 ใน 5 ศูนย์กลางของอารยธรรมโลกที่เก่าแก่ที่สุดในโลกซึ่งอีก 4 แห่งที่เหลือนั้น ได้แก่ เมโสโปเตเมีย อียิปต์ อินเดีย และจีน) มีการขุดพบซากปรักหักพังของปราสาท และอารามที่มีขนาดเทียบเคียงกันที่พบที่อัสซีเรีย (Assyria) และที่บาบีโลน (Babylone) และมีระบบการป้องกันเมืองด้วยป้อมปราการที่มีกำแพงล้อมรอบ
- 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
- ได้เวลา นำท่านออกเดินทางกลับเมืองมารี
- นำท่านชม มัสยิด ทาลฮาทาน บาบา (Talhatan Baba Mosque) ที่ถูกสร้างขึ้นในราวต้นศตวรรษที่ 12 ยุคกลาง สมัยอาหรับเซลจูก (Seljuk) ชมมรดกของงานศิลปะทางสถาปัตยกรรมอิสลามชั้นเยี่ยมอีกแห่งหนึ่ง เป็นอาคารสิ่งก่อสร้างในสถาปัตยกรรมสไตล์เซลจูก หากท่านสังเกตให้ดี จะพบว่าโครงสร้างของอาคารและ การวางเรียงอิฐแต่ละก้อน รวมถึงการตกแต่งภายใน ได้รับการออกแบบอย่างลงตัวตามหลักเรขาคณิต สภาพความเก่าแก่ได้ทรุดโทรมลงด้วยกาลเวลานับร้อย นับพันปีผ่านมา จึงได้รับการบูรณะซ่อมแซมในปี ค.ศ. 1987-1988 จึงทำให้ได้เห็นความสวยงามทางสถาปัตยกรรมโบราณอย่างที่ปรากฏอยู่
- 19.30 น. รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร / โรงแรม
- พักที่ MARY HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาว หรือเทียบเท่า
Day 10 : มารี – อัสห์กาบัท - ดาร์วาซ่า
- 06.30 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
- จากนั้น นำท่านเดินทางไปสนามบิน เพื่อขึ้นเครื่องไป เมืองอัสห์กาบัท
- 08.10 น. ออกเดินทางจาก เมืองมารี สู่ เมืองอัสห์กาบัท โดยสายการบิน Turkmenistan Airlines เที่ยวบินที่ T5-127
- 08.40 น. เดินทางถึง เมืองอัสห์กาบัท
- เมืองอัสห์กาบัท (Ashgabat) ในภาษาเปอร์เซียมีความหมายว่า เมืองแห่งความรัก เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศเติร์กเมนิสถาน ตั้งอยู่ระหว่างทะเลทรายดำคาราคุม( Kara Kum) และเทือกเขาโคเพต แด๊ก(Kopet Dag) เป็นที่ตั้งของที่ทำการรัฐบาล และศูนย์กลางการบริหารประเทศ ถึงแม้จะเป็นเมืองที่ก่อตั้งขึ้นใหม่บนรากฐานของหมู่บ้านที่ชื่อเดียวกันโดยขุนนางรัสเซียในปี ค.ศ.1881 ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองนิซา(Nisa) เมืองหลวงของจักรวรรดิปาร์เทียนโบราณที่สร้างขึ้นบนพื้นที่ของคอนจิกาลา(Konjikala) ที่ได้ล่มสลาย และเป็นหนึ่งในเมืองสำคัญบนเส้นทางสายไหม (Silk Road)
- นำท่านไปชมความทันสมัยของเมืองหลวง หลังจากหลุดพ้นจากการปกครองของสหภาพโซเวียตรัสเซีย สิ่งก่อสร้างอาคารบ้านเรือนดูทันสมัยสะอาด แต่สไตล์ของสถาปัตยกรรมนั้นสะท้อนถึงอิทธิพลที่ได้รับจากรัสเซีย และการตกแต่งประดับประดาที่บ่งบอกถึงมรดกอิทธิพลจากเปอร์เซียและอาหรับ
- นำท่านผ่านชม ทำเนียบประธานาธิบดี (The Presidential Palace) อาคารในสถาปัตยกรรมร่วมสมัย สะท้อนให้เห็นถึงมรดกทางสถาปัตยวัฒนธรรมที่สืบทอดจากเปอร์เซียโบราณ ผ่านชม อาคารรัฐสภา (Turkmen Parliament Building) ชม มัสยิดอาร์โตกรูล (Artogrul Gazy) ซึ่งถูกตั้งชื่อตามชื่อบิดาของบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ออสมาน กาซี เป็นผู้ก่อตั้งจักรวัรรดิออตโตมาน ชม อนุสรณ์สถานแห่งเอกราชและสันติภาพ (Independence and Peace Monument) พร้อมเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก(การนำกล้องถ่ายภาพเข้าไปในสถานที่ท่องเที่ยวจะมีค่าใช้จ่าย ไม่รวมอยู่ในค่าบริการ)
- นำท่านไปถ่ายภาพด้านนอก สุเหร่าเติร์กเมนบาชี (Turkmenbashi Ruhy Mosque) ที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.2002-2004 เหมือนกับสุเหร่าทั่วๆไป มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 18 ล้านตร.เมตร มีสถานที่จอดรถได้ 400 คัน และผู้ที่เข้าทำพิธีได้ประมาณ 10,000 คน โดยเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถูกตกแต่งด้วยหินอ่อนทั้งหมดจากฝรั่งเศส ตัวสุเหร่ามีโดมยอดสูง 55 เมตร และประกอบด้วยเสาหอคอยมินาเรท 4 หอที่มีความสูงหอละ 91 เมตร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของปี ค.ศ.1991 ที่ได้อิสรภาพจากโซเวียต
- จากนั้น นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ (National Museum of Turkmenistan) ซึ่งเปิดให้สาธารณชนเข้าชมในเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ.1998 เป็นแหล่งรวมสมบัติสำคัญๆ ซึ่งเป็นผลงานทางโบราณคดีที่หายาก ผลงานทางศิลปะตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงสมัยกลางที่ถูกค้นพบในประเทศราว 500,000 ชิ้น ภายในห้องจัดนิทรรศการ 9 ห้อง ห้องจัดนิทรรศการด้านโบราณคดี และชาติพันธุ์ ดูเหมือนว่าจะเป็นจุดที่น่าสนใจมากที่สุด มีการจัดแสดงการแต่งกาย อุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือนแบบดั้งเดิม เครื่องดนตรี เครื่องประดับ อาวุธ เอกสารทางประวัติศาสตร์และเหรียญกษาปณ์โบราณ งานศิลปะการแกะสลักเรือจากงาช้าง รูปปั้นเทพีหรือเทพธิดาของปาร์เทียน เปอร์เซีย แจกันโรโดกูน่า (Rodoguna) ที่มีสีสันเป็นตัวแทนแห่งชีวิตและความตาย ที่ควรค่าแก่การเข้าชมยิ่งนัก
- 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
- จากนั้น นำท่านเดินทางนั่งรถ 4×4 สู่ เมืองดาร์วาซ่า (Darwaza) ซึ่งเป็นหมู่บ้านในเติร์กเมนิสถาน ที่ตั้งอยู่กลางทะเลทราย คาลาคุมล์ (Karakum) ห่างจากเมืองอัสห์กาบัทประมาณ 260 กิโลเมตร (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.) ที่นี่มีชาวบ้านอยู่อาศัยประมาณ 350 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเติร์กเมนิสถานเผ่า Teke ที่ยังรักษาวิถีชีวิตแบบกึ่งเร่ร่อนอยู่
- นำท่านข้ามทะเลทรายคาลาคุมล์ ระหว่างทางแวะชม หมู่บ้าน Erbent ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆในทะเลทราย
- จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ หลุมแก๊สดาร์วาซ่า (Darwaza Gas Crater) หรือที่คนท้องถิ่นเรียกกันในชื่อ “ประตูสู่นรก” (Door to Hell) ตั้งอยู่ที่ทะเลทรายคาลาคุมล์ ประเทศเติร์กเมนิสถาน หลุมเพลิงแห่งนี้เกิดจากการพังถล่มของเพดานแอ่งเก็บแก๊สธรรมชาติ เดิมทีนักธรณีวิทยาตั้งใจจะจุดไฟเพื่อกำจัดแก๊สมีเทนซึ่งเป็นพิษ และคาดว่าไม่นานไฟจะเผาไหม้จนดับมอดไป แต่ปรากฏว่าเปลวเพลิงนั้นไม่เคยดับลงเลยนับตั้งแต่ปี 1971 จวบจนปัจจุบันก็ร่วม 49 ปีมาแล้ว หลุมแก๊สมีขนาดความกว้าง 69 เมตร และลึก 30 เมตร
- ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ แบบบาร์บีคิว ในบริเวณหลุมแก๊สดาร์วาซ่า
- พักที่ แค้มป์ที่พัก
Day 11 : ดาร์วาซ่า - อัสห์กาบัท
- เช้า รับประทานอาหารเช้า แบบปิกนิค
- จากนั้น นำท่านกลับเข้า เมืองอัสห์กาบัท (ระยะทางประมาณ 276 กม. ใช้เวลาประมาณ 3.50 ชม.)
- นำท่านเช็คอินเข้า โรงแรมที่พัก และพักผ่อนตามอัธยาศัย
- พักที่ SPORT HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาว หรือเทียบเท่า
- กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร / โรงแรม
- บ่าย นำท่านไปชม ฟาร์มม้า ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของชาวเติร์กเมนิสถาน ม้าพันธุ์ Akhalteke เป็นม้าพันธุ์ที่ดีที่สุดในโลก เมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว ชาวเติร์กเมนเริ่มเพาะพันธุ์ม้า Akhalteke ซึ่งเป็นพันธุ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของโลกไม่เคยผสมกับสายพันธุ์อื่น จักรพรรดิผู้มีชื่อเสียง เช่น พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช, พระเจ้าดาริอุสที่ 1 ยังต้องการเป็นเจ้าของม้า Ahalteke ที่สง่างาม ในฟาร์มนี้มีม้าที่สวยงามมากกว่า 35 ตัว ตามความเชื่อโชคลาง ผู้ป่วยทุกคนที่แตะม้า Ahalteke จะหายดีในไม่ช้า
- จากนั้น อิสระให้ท่านช๊อปปิ้งที่ ห้างเบอร์การ่า (Berkarar Shopping Mall) ซึ่งมีสินค้าให้ท่านเลือกหลากหลาย ทั้งของที่ระลึกพื้นเมือง และสินค้าแบรนด์เนม และมีร้านกาแฟให้ท่านได้นั่งพักผ่อนด้วย
- 19.30 น. รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร
- จากนั้น ได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางสู่สนามบิน เพื่อขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ
Day 12 : กรุงเทพฯ
- 03.30 น.ออกเดินทางจาก อัสห์กาบัท สู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Turkmenistan Airlines เที่ยวบินที่ T5-647
- 11.50 น. เดินทางมาถึง สนามบินสุวรรณภูมิ/กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ