วันเดินทาง
26 มีนาคม - 05 เมษายน 2566 05-15 เมษายน 2566 30 เมษายน - 10 พฤษภาคม 2566 02-11 มิถุนายน 2566 21-31 กรกฎาคม 2566
สายการบิน


ทัวร์โพรวองซ์ ทัสคานี (อิตาลี ฝรั่งเศส โมนาโค)

สัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างผ่าน 2 แคว้นงามแห่งฝรั่งเศส และอิตาลี  เส้นทางที่น้อยคนนักจะรู้จัก กับเส้นทางโพรวองซ์ ทัสคานี ที่ควรค่าแก่การไปเยือนบนเส้นทางธรรมชาติผสมผสานความเป็นเมืองเกิดเป็นเส้นทางที่ลงตัวสำหรับนักท่องเที่ยว

เส้นทางนี้เราได้คิดค้นเพื่อนำท่านสัมผัสความเป็นเนื้อแท้ของฝรั่งเศสที่มีความพิเศษเป็นเอกลักษณ์ที่น้อยคนได้สัมผัสในดินแดนที่เรียกว่า โค๊ทดาซู (la Cote d’Azur) แปลว่า ฝั่งทะลน้ำสีคราม สัมผัสแคว้นโปรว้องซ์ ของฝรั่งเศส ริมฝั่งทะเลน้ำสีครามแห่งเมดิเตอร์เรเนียน หรือที่ชาวฝรั่งเศสเรียกว่า โค๊ท ดา ซู (COTE D’AZUR) เมืองน้อยใหญ่ริมเมดิเตอร์เรเนียน มีความสวยงามดั่งภาพวาด บ้านเรือนริมทะเลมีระเบียบ สะอาด น้ำใสสีคราม  เรือยอร์ชใหญ่น้อย จอดเรียงรายผสมผสานกับ ธรรมชาติ และมีหุบผา ชมวิวของฝั่งทะเลที่เป็นเอกลักษณ์ไปตลอดเส้นทางที่ท่านฝันจะพบเห็นในภาพความเป็นจริงของฝรั่งเศสที่ไม่ใช่ปารีส ไม่ใช่ลิยอง ลัดเลาะริมฝั่งทะเลน้ำสีคราม

 

เยือนแคว้นทัสคานี (อังกฤษ: Tuscany) หรือ ตอสคานา (อิตาลี: Toscana) เป็นหนึ่งใน 20 แคว้นของสาธารณรัฐอิตาลี ซึ่งมีเมืองฟลอเรนซ์ (ฟีเรนเซ) เป็นเมืองหลวง มีเนื้อที่ทั้งหมด 22,990 ตารางกิโลเมตร และมีผู้คนอาศัยอยู่ 3.6 ล้านคน แคว้นทัสคานีนี้มีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์ ศิลปกรรม (เนื่องจากเป็นที่กำเนิดของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาหรือยุคเรอเนซองซ์) สถาปัตยกรรม ศาสนา วัฒนธรรม และอุตสาหกรรม (เนื่องจากมีโรงงานผลิตเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม เครื่องหนัง จำนวนมากของประเทศอิตาลี ซึ่งแคว้นแห่งนี้เองที่เป็นที่ตั้งของหอเอนเมืองปิซาอันโด่งดัง นอกจากนี้ แคว้นทัสคานีก็ยังขึ้นชื่อว่ามีทิวทัศน์งดงามมาก และมีไวน์ที่รสชาติดีเยี่ยม สำหรับชื่อแคว้น ชาวอิตาลีเรียกชื่อแคว้นนี้ว่า “ตอสคานา” (Toscana) แต่ภาษาอังกฤษเรียกชื่อแคว้นนี้ว่า ทัสคานี (Tuscany)ในภาษาอื่นๆ ก็มีชื่อเรียกต่างกันไปอีก เที่ยวชมเมืองหลักๆที่มีชื่อเสียงของแคว้น อาทิ เมืองซาน จิมิญยาโน เมืองเซียน่า

1

Day 1: กรุงเทพฯ-ซูริค

  • 16.30 น. คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทางเข้าที่ 4 พบกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ที่เคาน์เตอร์สายการบินเอทิฮัด แอร์เวย์ (EY) ประตู 4 เคาท์เตอร์ G โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยอำนวยความสะดวกแก่ท่าน
  • 19.55 น. ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่ อาบูดาบี โดยเที่ยวบินที่ EY407
  • 23.25 น. เดินทางถึง อาบูดาบี เพื่อรอเปลี่ยนเครื่องที่สนามบิน
2

Day 2: ซูริค-เจนีวา(สวิตเซอร์แลนด์)-แอนซี่(ฝรั่งเศส)

  • 02.15 น. ออกเดินทางสู่ ซูริค ที่ยวบินที่ EY073
  • 06.45 น. เดินทางถึง สนามบินซูริค หลังจากผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ออกเดินทาสู่เมือง เจนีวา (Geneva) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
  • ชมเมืองเจนีวา (Geneva) ริมทะเลสาบเจนีวา ที่ท่านอาจได้เห็นน้ำพุจรวด (Jet d’eau) ที่สามารถส่งน้ำขึ้นท้องฟ้าได้สูงถึง 140 เมตร และเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเจนีวาถ่ายรูปกับนาฬิกาดอกไม้
  • จากนั้น ออกเดินทางสู่ เมืองแอนซี่ (ANNECY) (41 กิโลเมตร) เมืองสวยงามแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนฝั่งทะเลสาบแอนซี่ น้ำใสและสะอาดที่สุดของโลก  ชมเมืองเก่าบนฝั่งแม่น้ำเทียว (Thio) สวนสาธารณะริมทะเลสาบ ต้นเรดวู๊ดที่นำมาจากอเมริกา สูงใหญ่ตระหง่าน รายรอบโคนต้นด้วยพันธุ์ไม้ดอก สวยงามมาก สวนนี้ เรียกว่า จาร์แดงเดอเลอรอป (le Jardin de l’Europ)
  • รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร หรือ โรงแรม
  • ที่พัก NOVOTEL ANNECY CENTRE  ATRIA  หรือเทียบเท่า
3

Day 3 :แอนซี่-อาวีญยอง-ป๊องดูการ์ด-นีมส์

  • รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมที่พัก
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอาวีญยอง (AVIGNON) (339 กิโลเมตร)
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
  • ชมเมืองเก่าในยุคกลางที่ยังคงความงดงาม และคลาสสิกที่สุดจนได้รับการขนานนามว่า The Jewels of the Southern Rhone เมืองอดีตที่พำนักของพระสันตปาปาแคลม้องท์ที่ 5 ได้ทรงหนีความยุ่งยากปัญหาทางการเมืองในกรุงโรม และทรงสร้างวังแห่งพระสันตะปาปาของพระองค์ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1309 ถึง 1377 ปัจจุบันกำแพงเมืองล้อมรอบวังพระสันตปาปาและสิ่งก่อสร้างยังมีความสมบูรณ์ และทำให้เมืองอาวีญยองกลายเป็นสถานที่สำคัญของแคว้นโปรว้องซ์  ปาเล่ส์เดส์ปาปส์ (Palais des Papes) หรือ อดีตพระราชวังของพระสันตะปาปา สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค และเคยเป็นที่ประทับขององค์พระสันตะปาปาถึง 7 พระองค์ เดินชมภายนอก ปาเล่ส์เดส์ปาปส์ ปัจจุบันแม้จะถูกทำลายไปจากการเกิดเพลิงไหม้ในบางส่วนแต่ก็ได้รับการบูรณะกลับมาเป็นเหมือนดังเดิมรายรอบ ด้วยกำแพงเมืองเก่า แม่น้ำโรนที่ไหลผ่านวังพระสันตปาปา ท่านจะเห็นสะพานคอนกรีตโบราณขาดเหลือไม่ถึงครึ่ง ชื่อสะพานเบเนเซ่ (Le Pont St.Benezet) โดดเด่นและสะดุดตามากที่สุด สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1177 ถึง1185
  • จากนั้นออกเดินทางต่อสู่ ป้องดูการ์ด เพื่อเข้าชมท่อส่งน้ำโบราณของโรมัน (Le Pont du Gard) อยู่สูงขึ้นเหนือสะพานกั๊กดองกว่า 47 เมตร  มีความยาวประมาณ 275 เมตร ในอดีตคลองส่งน้ำลอยฟ้าโรมันนี้ มีระยะทางยาว 50 กิโลเมตร ในอดีตสามารถส่งน้ำได้ 34.8 ล้านลิตร ต่อวันซึ่งเป็นการจัดการเรื่องน้ำจากแม่น้ำโรน ของชาวโรมันในอดีต  ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ชาวโรมันสร้างไว้เมื่อกว่า 2,000 ปี ปัจจุบัน ยังมีสภาพสมบูรณ์อยู่นับว่าแข็งแรงมาก และเป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ. 1985 โดย UNESCO
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองนีมซ์ (Nîmes) (45 กิโลเมตร) ชมเมืองนีมส์ ชมสถาปัตยกรรมอันสวยงามและหาชมได้ยาก  ชมอารีน่าโคลีเซี่ยมแห่งเมืองนีมส์ (ไม่รวมค่าเข้าชม) ที่สร้างโดยโรมันและยังคงรูปและสภาพเดิมๆ ไม่ถูกทำลาย ยังใช้ในการสู้วัวกระทิงในปัจจุบันนี้
  • รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หรือโรงแรมที่พัก
  • ที่พัก GRAND HOTEL DE NIMES  หรือเทียบเท่า
4

Day 4 : นีสม์-เอกซ์ซองโปรวองซ์-คานส์-นีซ

  • รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมทีพัก
  • ได้เวลาอันสมควรนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองเอ๊กซ์ซองโปรวองซ์ (AIX EN PROVENCE) (108 กิโลเมตร) เพื่อเที่ยวชมเมืองที่อดีตเป็นเมืองหลวงของแคว้นโปร์วองซ์ เป็นศูนย์กลางอำนาจและความเจริญของแคว้น ปัจจุบันก็ยังเป็นเมืองมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของประเทศ และความเก่าแก่กว่า 600 ปี ถนนสายหลักที่นี่ชื่อว่า มิราโบ (Le cour Mirabeau) ก็คล้ายๆปารีสมีถนน ชองเซลิเซ่ นั่นแหละ จะมีร้านขายกาแฟที่ตั่งมาเก่าแก่ตั้งแต่สมัยปี ค.ศ. 1792 ในขณะที่กาแฟบ้านเราเพิ่งจะตื่นตัวดื่มกันในปัจจุบัน
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
  • จากนั้นออกเดินทางสู่ เมืองคานส์ (Cannes) ชมเมืองคานส์ เมืองที่มีอากาศดี และวิวทิวทัศน์อันสวยงาม ราชวงศ์อังกฤษ, รัสเซีย และชนชั้นสูง ตลอดจนเศรษฐีน้ำมันอเมริกันนิยมกันมาพักผ่อน ณ เมืองนี้ ชมสถานที่จัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติซึ่งมีขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1940 จนกลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน แล้วนำท่านชม ครัวแซท (The Croisette) เส้นทางเดินชมทัศนียภาพริมโค้งอ่าวที่ติดอันดับโลก ด้วยความยาวกว่า 3 ก.ม. ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการเดินชมวิวต้นปาล์ม หาดทรายสีทองอร่าม และอาคารสถาปัตยกรรมในยุคโคโลเนียลอันทรงเสน่ห์ ออกเดินทางสู่ เมืองนีซ (nice) ….ชมเมืองนีซ  ในส่วนที่เป็นความสวยงามของอาคารบ้านเรือนที่ติดริมทะเล และผ่านชมถนนที่เรียกว่า พรอมเมอนาดเดซองแกลส์ ฝั่งน้ำสีคราม และ เมืองรีสอร์ท ที่มีความแตกต่างในเรื่องค่าครองชีพที่แพง
  • รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร หรือโรงแรม
  • ที่พัก HIPARK HOTEL  หรือเทียบเท่า
5

Day 5 : นีซ-นครรัฐโมนาโค-มอนติคาร์โล-แซง ปอล เดอ วองซ์-นีซ

  • รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ประเทศโมนาโค  แวะเยือน นครรัฐโมนาโค (Principaute de Monaco) (202 กิโลเมตร)เป็นรัฐอิสระเนื้อที่ 1.95 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่บนชะง่อนหน้าผาริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ปลายสุดของฝรั่งเศส กรังด์ปรีเดอโมนาโค เราได้ยินการแข่งรถที่มีชื่อเสียงคาสิโนอาคารสวยอย่างวัง ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่ มาจากการหมุนเวียนเงินจากบรรดาเศรษฐีของโลกที่นำเงินไปใช้จ่ายและพักผ่อนเพราะไม่ต้องเสียภาษี  การเล่น  คาสิโน  นักท่องเที่ยว เป็นหลักแต่ทั้งนี้ทุกอย่างต้องพึ่งพาอาศัยประเทศฝรั่งเศส ทั้งหมดโดยเฉพาะการป้องกันประเทศ  การต่างประเทศ  ถ่ายรูปสถานคาสิโนตามอัธยาศัย ชมวิวตระการตาของเรือยอชท์บนเนินเขาด้วยวิวทิวทัศน์น้ำสีครามสวยงามเหนือคำบรรยายชมโบสถ์คาทีดราล สถานที่ฝังพระศพเจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโค จากนั้นเดินทางต่อไปยังอีกด้านหนึ่งซึ่งก็คือ มอนติคาร์โล เมืองหลวงของรัฐอิสระโมนาโค ที่ได้ชื่อว่าร่ำรวยที่สุด ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองเล็กๆที่สวยงาม ประชาชนไม่ต้องเสียภาษี เดินเที่ยวเล่นและถ่ายรูปจนอิ่มเอมใจ
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
  • เดินทางผ่านเมืองเล็กๆ อีกเมืองที่มีนามว่า เอส (EZE) (10 กิโลเมตร) อยู่ริมชายฝั่งริเวียร่า ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองแห่งน้ำหอม ซึ่งเป็นโรงงานน้ำหอมเกาแก่ชื่อดังอย่าง FRAGONARD RIVIERA จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมือง แซง ปอล เดอ วองซ์ (Saint Paul de Vence) (19 กิโลเมตร) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนยอดเขาตั้งแต่ยุคกลางที่มีความสวยงามมากและเดินดูของอาคารตามขั้นบันใดหาดูยากและไม่มีใครเคยคิดจัดมาที่นี่เพราะไม่ทราบว่ามีของดีอยู่ ตัวหมู่บ้านตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาเหนือชายฝั่งริเวียร่าและมีกำแพงหินล้อมรอบ ซึ่งเป็นที่ดึงดูดและสร้างแรงบันดาลใจให้กับศิลปินชื่อก้องโลกในอดีตหลายท่านที่ย้ายมาอาศัยอยู่และสร้างผลงานทางด้านศิลปะมากมาย พาท่านเดินเที่ยวชมบรรยากาศในหมู่บ้าน ผ่านชมบ้านเรือนแบบปราสาทเก่าที่ได้รับการตกแต่งด้วยดอกไม้ให้น่าดู ถนนในหมู่บ้านปูลาดด้วยอิฐหรือหินอย่างแน่นหนา สองข้างทางมีทั้งร้านค้า โบสถ์ ที่อยู่อาศัยของชุมชน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คุ้มค่าแก่การไปเยือน
  • รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หรือ โรงแรม
  • ที่พัก HIPARK HOTEL  หรือเทียบเท่า
6

Day 6 : นีซ-ซานตา มาเกริตต้า(อิตาลี)+พอร์ตโตฟีโน่-ลา ลเปเซีย

  • รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมที่พัก
  • เดินทางสู่ เมืองซานตา มาเกริต้า (SANTA MAGHERITA LIGURE) (230 กิโลเมตร) ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเจนัว หนึ่งในเขตดินแดนแห่งลิกูเรียขนาบข้างด้วยทะเลกับภูเขาลิกูเรีย เป็นภูมิภาคที่มีชื่อเสียงมานานในเรื่องของอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี มีชายหาดที่สวยงาม
  • จากนั้นเดินทางโดยเรือเฟอรรี่ สู่ เมืองพอร์ตโตฟิโน (PORTOFINO) เมืองตากอากาศที่มี ชื่อเสียงอยู่ติดน้ำมีความงามที่โดดเด่น
  • รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร
  • ชมเมืองพอร์ตโตฟิโน เมืองที่ถูกค้นพบโดยเศรษฐีสมัยหลัง
    สงครามโลก ครั้งที่สอง เดินเล่นชมเมืองและถ่ายรูปความน่ารักของเมืองที่มีบ้านทาสีสดในตัดกับพื้นน้ำใสกระจ่าง ปัจจุบันพอร์ตฟิโนเป็นเมืองที่เหล่าเศรษฐีนิยมมาแล่นเรือยอร์ชโดยเฉพาะในหน้าร้อน  ได้เวลาอันสมควร นั่งเรือกลับสู่ เมืองซานตา มาเกริต้า แล้วเดินทางต่อโดยรถโค้ช สู่เมืองลาสเปเซีย (LA SPEZIA) เมืองในเขตลิกูเรียทางตอน เหนือของอิตาลี อยู่ระหว่างเมืองเจนัวและปิซ่าบนทะเลลิกูเรียและเป็นหน่งในอ่าวที่มีความสำคัญทางด้านการค้าและการทหาร
  • รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หรือ โรงแรมที่พัก
  • ที่พัก NH HOTEL LA SPEZIA  หรือ เทียบเท่า
7

Day 7 : ลา สเปเซีย+ชิงเกว่ แตร์เร-ซาน จิมิญยาดน-เซียน่า

  • รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมที่พัก
  • นำท่านนั่งรถไฟ สู่ เมืองชิงเกว่ แตร์เร (CINQUE TERRE) หมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่บน ชายฝั่งริเวียร่าของอิตาลี CINQUE TERRE มีความหมายว่า ห้าดินแดน (FIVE LANDS) ประกอบด้วยหมู่บ้าน 5 แห่ง ได้แก่ MONTEROSSO AL MARE. VERNAZZA. CORNIGLIA. MANAROLA และ RIOMAGGIORE โดยทั้งห้าหมู่บ้านนี้มีหุบเขาล้อมรอบประกอบกันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติฯ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
  • เดินทางต่อสู่ เมืองซาน จิมิญยาโน (SAN GIMIGNANO) (81 กิโลเมตร) เมืองเล็กๆ ที่มี ทิวทัศน์งดงามที่สุดในแคว้นทัสคานี ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองโบราณ เป็นเมืองแห่งสุดยอดสถาปัตยกรรมของยุคกลาง โดยเฉพาะหอคอยสูงตระหง่าน 14 หอที่สามารถมองเห็นได้แม้อยู่ห่างจากตัวเมืองหลายกิโลเมตร เป็นเมืองเดียวในอิตาลี่ที่สามารถอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างและสถาปัตยกรรมยุคกลางไว้ได้อย่างครบถ้วนจนได้รับการประกาศเป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์กร UNESCO ชมโบสถ์ประจำเมือง (SAN  GIMIGNANO DUOMO) โบสถ์หลักประจำเมืองตั้งอยู่ในจัตุรัสดูโอโม (PIAZZA DEL DUOMO) ภายในมีการตกแต่งแบบโรมาเนสก์ และมีภาพเฟรสโกตกแต่งกำแพงภายในโบสถ์ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา  ชมภายนอกพระราชวังโปโปโล (POPOLO PALACE) อดีตเป็นที่ตั้งของศาสนา คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 55.86 เมตร น้ำหนักรวม14,500 ตัน มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉากประมาณ 3.9 เมตร
  • ชม La Rocca ป้อมโบราณสมัยศตวรรษที่ 14 จากนั้นเดินทางสู่เมืองเซียน่า (SIENA) (46 กิโลเมตร) แคว้นทัสคานี ในยุคกลาง มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในสมัยช่วงยุคกลางของประเทศอิตาลี
  • รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หรือโรงแรม
  • ที่พัก SIENA DEGLI ULIVI HOTEL หรือ เทียบเท่า
8

Day 8 : เซียน่า-ฟลอเรนซ์-ช้อปปิ้ง The Mall Outlet

  • รับประทานอาหารเช้า ณ ที่โรงแรมที่พัก
  • ชมเมืองเก่าเซียน่า (SIENA OLD TOWN) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี 1995 ชมความเป็นเมืองเก่าสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการหรือยุคเรอเนสซองส์ เต็มไปด้วยอาคารต่างๆ โบสถ์ และพิพิธภัณฑ์ และสัมผัสบรรยากาศของประวัติศาสตร์และร้านค้ามากมาย เซียน่าเป็นเมืองคู่แข่งของฟลอเรนซ์ในเรื่องของศิลปะและสถาปัตยกรรม นำท่านถ่ายรูปกับมหาวิหารเซียน่า (SIENA CATHEDRAL) มหาวิหารที่มี สถาปัตยกรรมแบบกอธิคและเรอเนซองส์จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองฟลอเรนซ์ (FLORENCE) (72 กิโลเมตร) เมืองแห่งต้นตำรับ ศิลปแบบเรอเนอซองส์ ถิ่นกาเนิดของศิลปินระดับโลก 2 ท่าน คือ ลีโอนาโด ดาร์วินซีและไมเคิล แองเจโล
  • อิสระช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมที่ THE MALL OUTLET กับสินค้าชั้นนำของ อิตาลีหลากหลายยี่ห้อ เช่น อาร์มานี่ บาลองเชียก้า โบเตก้า เวเนต้า กุชชี่ เฟอร์รากาโม่ TOD’S, PRADA เป็นต้น
  • ** อิสระอาหารกลางวัน เพื่อความสะดวกในการช้อปปิ้ง **
  • จากนั้นนำท่าน ชมเมือง ชมรูปปั้น เดวิด ซึ่งหล่อด้วย บรอนซ์ตั้งตระหง่านอยู่บนฐานสูง จากที่นี่มองลงไปเบื้องล่างจะเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองฟลอเรนซ์ทั้งเมือง ชมย่านเมืองเก่า ชมดูโอโม่ประจำเมืองฟลอเรนซ์ ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก ตามแบบเรอเนอซองส์
  • ชมสะพานแวคคิโอ สัญลักษณ์ของเมืองฟลอเรนซ์ เดินผ่าน ร้านค้าและสินค้าที่วางขายอยู่มากมายชมจัตุรัสซิญญอเรียที่แวดล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมชิ้นสำคัญต่างๆมากมายจนได้ฉายาว่าพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง
  • รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หรือโรงแรม
  • ที่พัก CONFERENCE FLORENTIA HOTEL หรือ เทียบเท่า
9

Day 9 : ฟลอเรนซ์-มิลาน

  • รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
  • เดินทางสู่ มิลาน (MILAN) (306 กิโลเมตร) เมืองสำคัญทางภาคเหนือของอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี ชื่อเมืองมิลานมาจากภาษาเซลต์คำว่า MID-LAN ซึ่งหมายถึงอยู่กลางที่ราบ มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
  • ชมภายนอก ดูโอโม่ หรือมหาวิหารแห่งเมืองมิลาน (เป็นโบสถ์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในยุโรป) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1386 ตกแต่งเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1813 รวมระยะเวลาการก่อสร้างกว่า 427 ปี จากนั้นอิสระให้ท่านได้เก็บบันทึกภาพไว้เป็นที่ระลึกอิสระช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม อาทิ หลุยส์  วิตอง กุชชี่ อาร์มานี่ ฯลฯ จากร้านค้าแบรนด์เนมมากมาย
  • รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร หรือ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
  • พักโรงแรม  LEONARDO HOTEL MILAN CITY CENTER หรือเทียบเท่า
10

Day 10 : มิลาน-กรุงเทพฯ

  • รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
  • 07.00 น. จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่สนามบินเมืองมิลาน
  • 10.50 น. ออกเดินทางสู่อาบูดาบี โดยสายการบินเอทิฮัด แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ EY088
  • 18.55 น. ถึงสนามบินอาบูดี  เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง
  • 21.40 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ เที่ยวบินที่ EY402
11

Day 11 : กรุงเทพฯ

  • 07.20 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ

 

เรื่องเที่ยวไว้ใจเรา Go Together Travel

http://www.gotogethertravel.com/

วันเดินทาง
26 มีนาคม - 05 เมษายน 2566 05-15 เมษายน 2566 30 เมษายน - 10 พฤษภาคม 2566 02-11 มิถุนายน 2566 21-31 กรกฎาคม 2566
สายการบิน

Tour Reviews

There are no reviews yet.

Leave a Review

Rating