วันเดินทาง
03-14 มิถุนายน 2566 23 กันยายน - 04 ตุลาคม 14-25 ตุลาคม
สายการบิน


ทัวร์แอลจีเรีย ทริปสำรวจแอลจีเรีย ดินแดนแห่งผืนทรายจรดทะเล ชมเมืองกองส์ตองติน “เมืองแห่งสะพาน” ที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปแอฟริกา ชมทะเลทรายซาฮาร่า ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

  • พัก 4 + 5 ดาว (ยกเว้นเมืองการ์ดาเอียอาจพัก 3-4 ดาว)
  • อาหารดี หลากหลาย
  • บินภายใน 2 ขา เที่ยวครบ ไม่เหนื่อย!!
  • ชม เมืองกองส์ตองติน “เมืองแห่งสะพาน” ที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปแอฟริกา
  • ชม เมืองโรมันโบราณ “ดีเจมิลา” ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
  • ชมทะเลสาบ Chott Oum El Raneb กลางทะเลทราย
  • ชมเมืองการ์ดาเอีย เมืองในทะเลทรายซาฮาร่า ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
  • ชม เมืองเอล อูเวด “เมืองแห่งหนึ่งหมื่นโดม” ในทะเลทรายซาฮาร่า
  • ตะลุยทะเลทราย สัมผัสสันทรายและชมพระอาทิตย์ตกแสนสวย เมืองเอล อูเวด
  • ชม พระราชวัง พิพิธภัณฑ์ และป้อมปราการโบราณที่มีชื่อเสียงของแอลจีเรีย
  • ช๊อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองสุดเพลินที่ตลาดพื้นเมือง

หมายเหตุ ระยะเวลาในการทำวีซ่า ประมาณ 30-50 วัน และต้องส่งเล่มพาสปอร์ตไปทำที่สถานทูตแอลจีเรีย ประจำประเทศมาเลเซียค่ะ

แอลจีเรีย ชื่อเต็มว่า “สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย” (People’s Democratic Republic of Algeria) เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่า ดินแดนแห่งผืนทรายจรดทะเลเป็นประเทศที่อยู่ทางแถบทวีปแอฟริกาตอนเหนือ มีความใหญ่เป็นอันดับสองรองจากประเทศซูดาน ภาษาที่ใช้จะเป็นภาษาอาราบิกและภาษาฝรั่งเศส เพราะในอดีตประเทศแอลจีเรียเคยตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสมาก่อนและเป็นประเทศที่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ดินแดนแห่งนี้เรียกได้ว่ามีความครบครัน สำหรับผู้ที่แสวงหาท้องทะเลแสนงามสีครามสดใส และการขี่อูฐบนผืนทรายอันแผดร้อน เพราะตอนบนของประเทศนั้นอุดมไปด้วยทิวทัศน์อันสวยงามของชายฝั่ง “ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน”(Mediterranean) ที่ตั้งขนานไปกับ “เทือกเขาแอตลาส” (Atlas) ซึ่งทอดตัวเป็นแนวยาวพาดผ่านตอนเหนือของทวีป และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้ท่านได้ชม


1

Day 1:กรุงเทพฯ - ดูไบ

  • 22.00 น. คณะพร้อมกันที่ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 แถว T เคาน์เตอร์สายการบินเอมิเรตส์แอร์ไลน์ (EK) โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัท ฯ คอยให้การต้อนรับ ตรวจเอกสาร และสัมภาระ
2

Day 2 : ดูไบ - แอลเจียร์

  • 01.15 น. ออกเดินทางสู่ ดูไบ โดยสายการบิน เอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 385 (ใช้เวลาในการเดินทาง 06.30 ชม.) รับประทานอาหารและพักผ่อนบนเครื่อง
  • 04.45 น.  เดินทางถึงดูไบ (รอเปลี่ยนเครื่องที่สนามบิน)
  • 08.45 น.  ออกเดินทางสู่ เมืองแอลเจียร์ โดยสายการบิน เอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 757 (ใช้เวลาในการเดินทาง 07.10 ชม.)
  • 12.55 น . เดินทางถึง ท่าอากาศยานเอารี บูมเมอเดียน (Houari Boumediene Airport) เมืองแอลเจียร์  นำท่านผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ริมชายฝั่งทะเลเมืองอัลเจีย เมืองหลวงของประเทศแอลจีเรีย นำชมเมืองโบราณทิปาซ่า (Tipaza) ปัจจุบันได้รับการขนานนามว่าเป็น “หนึ่งในแหล่งโบราณคดีที่พิเศษที่สุดของดินแดนแอฟริกาเหนือ’ โดย UNESCO ซึ่งถูกขึ้นทะเบียนนปี 1982
  • ชม สุสานหลวงแห่งมอริทาเนีย (Royal Mausoleum of Mauretania) เป็นสุสานของ Berber Juba II และ Cleopatra Selene II ซึ่งเป็นกษัตริย์และราชินีองค์สุดท้ายของ Mauretania คลีโอพัตรา Selene II เป็นลูกสาวคนเดียวของราชินีคลีโอพัตราแห่งอียิปต์ผู้โด่งดังและมาร์กแอนโทนีสามี ราชวงศ์ สุสานนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อต่างๆ บางครั้งเรียกว่าสุสานของจูบาและคลีโอพัตราเซลีน ชาวฝรั่งเศสเรียกว่า Tombeau de la Chretienne หรือ “สุสานของสตรีชาวคริสต์” เนื่องจากมีเส้นแบ่งที่เป็นรูปกากบาทที่ประตูหลอก ในภาษาอาหรับสุสานเรียกว่า Kubr-er-Rumia หรือ Kbor er Roumia ซึ่งหมายถึงหลุมฝังศพของหญิงสาวชาวโรมัน
  • รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
  • HOLIDAY INN HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาว หรือเทียบเท่า
3

Day 3 : แอลเจียร์ - เมืองโบราณดีเจมิลา - กงส์ตองติน

  • เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
  • เดินทางไปยัง เมืองโบราณดีเจมิลา (Djémila) (ระยะทางประมาณ 325 กม., ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม.) มีพื้นที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านขนาดเล็กบริเวณภูเขาทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองแอลเจียร์
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
  • นำท่านชม เมืองโบราณดีเจมิลา ชมลานกลางแจ้ง, ศาสนสถาน, มหาวิหาร, ซุ้มประตู, พิพิธภัณฑ์โมเสค และตลาดโรมัน ที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี
  • เดินทางสู่ เมืองกงส์ตองติน (Constantine) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.) ซึ่งเป็น เมืองที่เก่าแก่ที่สุดเมืองหนึ่งในทวีปแอฟริกา มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ รองจากกรุงแอลเจียร์และเมืองออราน ชม สะพานแห่งเมืองกงส์ตองติน (Bridges of Constantine) เมืองกงส์ตองตินได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองแห่งสะพาน” (City of Bridges) เนื่องจาก มีสะพานอันงดงามมากมายที่เชื่อมระหว่างภูเขาและหุบเหว กับเมือง ซึ่งถูกสร้างไว้หลายแห่ง
  • PROTEA HOTEL By MARRIOTT โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาวหรือเทียบเท่า
4

Day 4 : กงส์ตองติน

  • เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
  • ชม สะพานแขวน ซิดี เอ็มซิด (Sidi M’Cid Bridge) ซึ่งเป็นสะพานแขวนที่สูงที่สุดในโลก มีความสูง 175 เมตร ยาว 164 เมตร ข้ามแม่น้ำ Rhummel ในเมืองกงส์ตองติน ประเทศแอลจีเรีย เปิดใช้งานในเดือนเมษายน ปีค.ศ. 1912 จนถึงปีค.ศ. 1929 สะพานนี้ถูกออกแบบโดยวิศวกรชาวฝรั่งเศส Ferdinand Arnodin เพื่อเชื่อมโยง Casbah ไปยังเนินเขา Sidi M’Cid สะพานดังกล่าวได้รับการบูรณะในปีค.ศ. 2000
  • ชม สะพานเดินเท้า เมลล่า สลิมาเนห์ (Footbridge of Mellah Slimane)  เดินข้ามช่องแคบที่ดูน่าหวาดเสียวและตื่นเต้น ซึ่งท่านจะได้เห็นทิวทัศน์ของโตรกผาและบ้านที่สร้างอยู่ในหุบเขา ในเวลาเดียวกันท่านจะสามารถมองเห็นสะพาน Bab El Kantara อันเก่าแก่ และสะพาน Sidi Rached Viaduct อันสง่างามจากจุดชมวิวบนสะพาน
  • ชม อนุสาวรีย์แห่งความตาย (The Monument to the Dead) ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของสงครามโลกครั้งที่1
  • ชม พิพิธภัณฑ์และพระราชวังอาเหม็ด เบย์ (The Museum & Palace of Ahmed Bey) วังของอาเหม็ด เบย์ (ผู้ปกครองออตโตมันคนสุดท้ายของกงส์ตองตินจาก ค.ศ. 1826 ถึง ค.ศ. 1848) เป็นหนึ่งในอาคารยุคออตโตมันที่ดีที่สุดในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย และถือว่าเป็นร่องรอยการดำรงชีวิตของอารยธรรมออตโตมันในประเทศ เป็นอาคารขนาดใหญ่
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
  • ชม พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ เซอร์ตาร์ (National Museum of Cirta) ที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุที่มีค่ากว่า  7,000 ชิ้น ทั้งภาพเขียน และหลักฐานทางประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปถึงยุคก่อนประวัติศาสตร์, สมัยโรมัน, ยุคพูนิค, ยุคอิสลาม และยุคอาณานิคมฝรั่งเศส พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เปิดตัวขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1931 ภายใต้ชื่อ “Gustave Mercier Museum” (ซึ่งตั้งชื่อตามเลขาธิการทั่วไปของสมาคมโบราณคดี) จนวันที่ 5 กรกฎาคม 1975 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Cirta ซึ่งเป็นชื่อโบราณของเมืองกงส์ตองติน และในปี 1986 มันได้รับการยกระดับเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และเปลี่ยนชื่อเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ เซอร์ตาร์
  • ชม มัสยิดเอเมียร์ อับเดลคาเดอร์ (Emir Abdelkader Mosque)  ซึ่งเป็นหนึ่งในมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1968 และเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1994 เพื่อเป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีทางศาสนาที่สามารถจุผู้คนได้อย่างอย่างน้อย 10,000 คน จากนั้น นำท่านเดินลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยที่ปูด้วนหิน ไปสำรวจ ตลาด Souika (Medina) ตลาดเล็กๆ ที่มีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 16 ท่านจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของตลาดการค้าโบราณในภูมิภาคนี้
  • ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
  • PROTEA HOTEL By MARRIOTT โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาวหรือเทียบเท่า
5

Day 5 : กงส์ตองติน – ทิมกัต - เอล คันทารา - บิสกรา

  • เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
  • เดินทางไปยัง ทิมกัต (Timgad) ตั้งอยู่บริเวณทางตอนเหนือของเทือกเขาออร์เร็ส (Aurès mountains) ห่างจากเมืองกงส์ตองติน 110 กิโลเมตร เป็นสถานที่ตั้งของเมืองโบราณภายใต้การปกครองของจักรพรรดิไตรดานุส แห่งจักรวรรดิ์ทราจัน (Emperor Trajan) ผู้ดำรงตำแหน่งจักรพรรดิโรมันช่วงปีคริสต์ศักราช 98 จนถึงปีคริสต์ศักราช 117  นำท่านเดินสำรวจเมืองโบราณทิมกัต เยี่ยมชมสถานที่ที่เป็นห้องสมุด ศาสนสถาน อัฒจันทร์ และมหาวิหารของจักรวรรดิ์ทราจัน
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
  • เดินทางไปเมืองบิสกรา (Biskra) ระยะทางประมาณ 141 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. ระหว่างทางแวะชมสะพานโรมัน (El Kantara Roman Bridge) ที่เมืองเอลคันทารา เป็นสะพานโค้งแบบโรมันโบราณเหนือ Rhoufi Gorge ใน Biskra สร้างขึ้นโดยชาวโรมันในศตวรรษที่ 1จากนั้นเดินทางต่อสู่เมืองบิสกรา (Biskra)  ตั้งอยู่ในทางตะวันออกเฉียงเหนือของแอลจีเรีย เป็นที่รู้จักกันในนาม “ราชินีแห่งซีบัน” หรือ “ประตูสู่ทะเลทรายซาฮาร่า” ตั้งอยู่ที่จุดเริ่มต้นของทะเลทรายซาฮารา ด้วยลักษณะทางภูมิประเทศ ภูมิอากาศและทรัพยากรธรรมชาติโดยเฉพาะทางการเกษตร ทำให้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ เราจะได้เห็นร่องรอยของอารยธรรมที่หลากหลายจากชาวโรมันและอาหรับ ไปจนถึงฝรั่งเศส
  • รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
  • NAIL ZAKARIA HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาวหรือเทียบเท่า
6

Day 6 : บิสกรา - เอล อูเวด

  • เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
  • เดินทางสู่ เมืองเอล อูเวด (El Oued) ระยะทางประมาณ 272 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม. เมืองเอล อูเวด เป็นเมืองโอเอซิส ในทะเลทรายซาฮาร่า อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของแอลจีเรีย พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกปกคลุมด้วยเนินทราย ทางตอนเหนือของเมืองพบพันธุ์ไม้หายาก และทะเลสาบน้ำเค็ม บริเวณนี้ชาวบ้านจะนิยมปลูกสวนปาล์ม พื้นที่มีความร้อน แต่ก็มีแม่น้ำใต้ดินที่ให้ความชุ่มชื้นตลอดทั้งปี บ้านเรือนที่นี่ส่วนใหญ่สร้างด้วยอิฐ และมีหลังคาเป็นรูปโดม จึงทำให้เมืองนี้ เป็นที่รู้จักกันในนาม เมืองแห่งหนึ่งหมื่นโดม” (City of a Thousand Domes)
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
  • นำท่านชม เมืองเอล อูเวด จากนั้นนำท่านทัวร์ซาฟารีทะเลทราย ชมเนินทรายแสนสวยและชมพระอาทิตย์ตกแสนงดงาม
  • รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
  • La Gazel d’Or Hotel โรงแรมมาตรฐาน 5 ดาวหรือเทียบเท่า
7

Day 7 : <strong>เอล อูเวด – ทะเลสาบ Chott Oum El Raneb - อูกลา –</strong> <strong>การ์ดาเอีย</strong>

  • เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
  • เดินทางสู่ เมืองอูกลา (Ouargla ) ระยะทาง 259 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชม. ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจังหวัดวาร์กลา ในทะเลทรายซาฮาร่าทางทิศใต้ของประเทศแอลจีเรีย เป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองจากอุตสาหกรรมน้ำมันของประเทศ เป็นสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยหลายแห่งของแอลจีเรียแวะชมทะเลสาบ Chott Oum El Raneb
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
  • นำท่านเดินทางสู่ เมืองการ์ดาเอีย (Ghardaia) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเขตการปกครอง และจังหวัดชื่อเดียวกันทางภาคกลางตอนบนของประเทศแอลจีเรีย เมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปีแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตทะเลทรายซาฮาร่าบริเวณริมฝั่งแม่น้ำ Mzab ทำให้มีความชุ่มชื้นอยู่พอสมควร และได้ขึ้นเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม จากการเป็นแหล่งอารยธรรมโบราณของชาวเบอร์เบอร์ (Berbers) ซึ่งเป็นกลุ่มคนเร่ร่อนในทะเลทรายซาฮาร่า
  • ถ่ายรูปกับ พระราชวังดินเหนียวแห่งการ์ดาเอีย (Ghardaia Clay Palace) ตั้งอยู่ในทะเลทรายของเมืองการ์ดาเอีย มีอายุกว่า 1,000 ปี แต่ยังคงดูแข็งแรงและสง่างาม วัสดุหลักในการก่อสร้าง คือ ดินเหนียว หิน และไม้ ด้วยสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์และสวยงามแปลกตา เนื่องจากอากาศในทะเลทรายที่ร้อนมาก และในอดีตไม่มีเครื่องปรับอากาศและไฟฟ้า การก่อสร้างบ้านเรือน จึงนิยมใช้ดินเหนียวและหิน เพราะดินเหนียวช่วยให้บ้านเย็น และลดอุณหภูมิภายในได้
  • รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
  • M’ZAB HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาวหรือเทียบเท่า
8

Day 8 : การ์ดาเอีย

  • รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
  • เดินทางไปชม หุบเขาเอ็มซาปบ์ (M’zab Valley) ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สวยงามน่าสนใจ และคุ้มค่าที่สุดสำหรับการเที่ยวชมในประเทศแอลจีเรีย หุบเขายาวหกไมล์ ตั้งอยู่ในภาคเหนือของทะเลทรายซาฮาร่า ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของแอลจีเรียนั้น มีกลุ่มโอเอซิสทะเลทรายโบราณ ที่มีบ่อน้ำนับพันแห่ง และมีต้นปาล์มหลายพันต้น ที่ให้น้ำในบริเวณ เมืองโบราณทั้งห้าของพื้นที่ M’zab อันประกอบด้วย Ghardaia,  Beni Isguen, Melika, Bou Noura และ El-Atteuf หรือที่รู้จักกันในนาม Pentapolis ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เป็นตัวอย่างของที่อยู่อาศัยของมนุษย์แบบดั้งเดิมที่ปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมโดยรอบได้อย่างสมบูรณ์แบบ ปัจจุบัน 5 เมืองนี้ เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักเดินทางที่สนใจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโบราณ รวมถึงสถาปัตยกรรมและภูมิทัศน์ที่โดดเด่น
  • นำท่านไปที่จุดชมวิวมุมสูงของ เมืองเบนิ อิสกวน (Beni Isguene) ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งในห้า เมืองโอเอซิสแห่ง M’zab ในตอนกลางของทะเลทรายซาฮาร่า ชื่อนี้ได้มาจากคำว่า Berber แปลว่า “บุตรของผู้ศรัทธา” เมืองนี้ก่อตั้งขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 11 และได้รับการบูรณะในปี 1860  แวะถ่ายรูปกับ Ksar Tafilelt อาคารยุคใหม่ผสมผสานสถาปัตยกรรมเก่าและใหม่สีสันสดใส สวยแปลกตา
  • เดินทางสู่ เมืองการ์ดาเอีย ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เมืองนี้มีคนอาศัยอยู่ประมาณ 360,000 คน เป็นกลุ่มชนเผ่าเบอร์เบอร์ใหญ่ บริเวณหุบเขาจะพบตัวอักษรและสัญลักษณ์ต่างๆ ที่ถูกสลักไว้ของชนเผ่ารอบๆ หุบเขา นำชมและถ่ายรูปกับมัสยิดกลางของเมือง ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของหมู่บ้านและเป็นจุดศูนยกลางของกิจกรรมต่างๆของผู้คนในหมู่บ้านทั้งในด้านของศาสนาและทางโลก
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
  • ให้เวลาท่านได้เดินเล่นและเลือกซื้อสินค้าที่ตลาดพื้นเมืองจากนั้น นำท่านเดินทางไปยัง สนามบินการ์ดาเอีย(Ghardaia Airport) เพื่อทำการตรวจเอกสารในการเดินทาง
  • 16.20 น. ออกเดินทางจาก เมืองการ์ดาเอีย สู่ เมืองออราน โดยสายการบิน แอร์ แอลจีเรีย (Air Algerie) เที่ยวบินที่ AH 6381 (ใช้เวลาในการเดินทาง 01.30 ชม.)
  • 17.50 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานออราน เอส เซเนีย (Oran Es Sénia Airport) เมืองออราน ประเทศแอลจีเรีย นำท่านเดินทางไปยังใจกลางเมือง ออราน (Oran) เมืองแห่งอุตสาหกรรม ใหญ่สุดเป็นอันดับ 2 ของแอลจีเรีย ตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของแอลจีเรีย ชื่อของเมืองมาจากคำว่า Wahran (ภาษาของชนเผ่าอิสระ Berber) มีความหมายว่า “สิงโตสองตัว” อันเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองออรานในปัจจุบัน
  • รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
  • FOUR POINT By SHERATON โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาวหรือเทียบเท่า
9

Day 9 : การ์ดาเอีย - ออราน

  • เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
  • นำท่านชม ป้อมซานตาครูซ (Basilica Santa Cruz) เป็นหนึ่งในสามของป้อมปราการในเมืองท่าที่ใหญ่เป็นอันดับสองของแอลจีเรีย และอีกสองป้อมตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก คือ ป้อมเดอลามุน และป้อมเซนต์ ฟิลลิปส์ สร้างทดแทนปราสาทเก่าของนักบุญที่รู้จักกันในสเปน คือ คาสติล โล เดอ ซานโตส ตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางของออราน สามป้อมนี้เชื่อมต่อผ่านอุโมงค์เซนต์ ครูซเบิร์ก ถูกสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1577 ถึง 1604 โดยชาวสเปน ในปีค.ศ. 1831 ต่อมาถูกฝรั่งเศสยึดครองเมืองออรานและป้อมปราการ
  • นำท่านชม ป้อมซานตาครูซ (Basilica Santa Cruz) เป็นหนึ่งในสามของป้อมปราการในเมืองท่าที่ใหญ่เป็นอันดับสองของแอลจีเรีย และอีกสองป้อมตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก คือ ป้อมเดอลามุน และป้อมเซนต์ ฟิลลิปส์ สร้างทดแทนปราสาทเก่าของนักบุญที่รู้จักกันในสเปน คือ คาสติล โล เดอ ซานโตส ตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางของออราน สามป้อมนี้เชื่อมต่อผ่านอุโมงค์เซนต์ ครูซเบิร์ก ถูกสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1577 ถึง 1604 โดยชาวสเปน ในปีค.ศ. 1831 ต่อมาถูกฝรั่งเศสยึดครองเมืองออรานและป้อมปราการ
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
  • ชม จัตุรัสหนึ่งพฤศจิกายน (Place du 1er November) เป็นจัตุรัสหลักของเมืองออราน มีอาคารที่งดงามสองแห่ง หนึ่งในนั้นคือ โรงละครโอเปร่า (Opera House) อันสง่างาม
  • ชม โบสถ์พระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ (La Cathedral du Sacre Coeur) เป็นโบสถ์ในนิกายโรมันคาทอลิค สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1903 แล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1913 ออกแบบโดย Albert Ballu สถาปนิกของรัฐบาลแอลจีเรีย โครงสร้างของโบสถ์เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ซึ่งเป็นโบสถ์แห่งแรกที่สร้างขึ้น ในดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส ภายหลังได้ถูกใช้เป็นห้องสมุดระดับภูมิภาค ในปี 1984 และเป็นห้องสมุดสาธารณะ ในปี 1996
  • นำท่านไปชมและเดินเล่นริม ชายหาด Plage de Madagh ซึ่งเป็นหาดที่มีชื่อเสียง โอบล้อมด้วยป่าไม้และขุนเขา ท้องทะเลสีคราม ทำให้ที่นี่มีความสวยงาม ทั้งยามพระอาทิตย์ขึ้น และอาทิตย์อัสดง
  • รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร / โรงแรม
  • FOUR POINT By SHERATON โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาวหรือเทียบเท่า
10

Day 10 : ออราน - แอลเจียร์

  • เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
  • ได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางสู่สนามบินเมืองออราน เพื่อขึ้นเครื่องไปเมืองแอลเจียร์
  • 09.05 น. ออกเดินทางจาก เมืองออราน สู่ เมืองแอลเจียร์ โดยสายการบิน แอร์ แอลจีเรีย (Air Algerie) เที่ยวบินที่ AH 6181 (ใช้เวลาในการเดินทาง 01.00 ชม.)
  • 10.20 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานเอารี บูมเมอเดียน (Houari Boumediene Airport) เมืองแอลเจียร์  จากนั้น นำท่านเดินทางไปยังใจกลาง เมืองแอลเจียร์ (Algiers) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศแอลจีเรีย ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของอ่าวในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ชื่อของเมืองมาจากคำในภาษาอาหรับที่แปลว่า เกาะ ซึ่งหมายถึง 4 เกาะที่ตั้งอยู่นอกชายฝั่งของเมือง และกลายเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินใหญ่ในปัจจุบัน
  • นำท่านถ่ายรูปกับมัสยิดกลางแห่งแอลเจียร์ (Great Mosque of Algiers) สร้างเสร็จเมื่อปี 2019 ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นที่ 3 ของโลก รองจากมัสยิดฮะรอมในมักกะฮ์ และมัสยิดนะบะวี ในมาดินะฮ์ มีเนื้อที่ 25 เฮค เป็นห้องโถงละหมาดขนาด 20,000 ตารางเมตร ซึ่งสามารถจุผู้มาประกอบศาสนกิจได้ราว 120,000 คน หออะซานสูง 265 เมตรของมัสยิดถือว่าเป็นหออะซานที่สูงที่สุดในโลก
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
  • นำท่านถ่ายรูปกับมัสยิดเคทชาอู (Ketchaoua) สร้างขึ้นในสมัยการปกครองของจักรวรรดิออตโตมัน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยอยู่ใจกลางเมือง สถานที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ ตั้งอยู่บนบันไดขั้นแรกของเมืองเก่า ซึ่งนำไปสู่ประตูทั้งห้าของเมือง
  • นำชมเขตเมืองเก่า (Kashbah of Algiers) หรือ ป้อมปราการแห่งแอลเจียร์ ตั้งอยู่บนพื้นที่บริเวณชายฝั่งของทะเลเมอดิเตอร์เรเนียน สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 6 จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ล้อมรอบเมืองและพระราชวังเก่าแก่สไตล์ออตโตมัน ได้รับการคัดเลือกจากองค์กรยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นมรดกโลก (World Heritage Site) ในปีคริสต์ศักราช 1992
  • ถ่ายรูปกับ แกรนเด้ โพสเต้ (Neo-Moorish Grande Poste) อาคารสำนักงานไปรษณีย์หลักของเมืองแอลเจียร์ สร้างขึ้นในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยใช้สถาปัตยกรรมสไตล์ฝรั่งเศส
  • นำท่านถ่ายรูปกับ มัสยิดเก่าแก่เอล ดีเจดดิด (El Djedid Mosque) สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 โดยใช้สถาปัตยกรรมแบบผสมผสานระหว่างสไตล์ฝรั่งเศสและสไตล์ดั้งเดิม
  • ชมมหาวิหารนอร์ทเทอดัม (Basilique Notre-Dame d’Afrique) หรือมหาวิหารพระแม่แห่งแอฟริกา เป็นมหาวิทหารที่มีความสวยงามเป็นอย่างยิ่งเเละเป็นหนึ่งในศาสนสถานของศาสนาคริสต์ในเมืองเเห่งนี้ สร้างมาตั้งเเต่ปี ค.ศ.1872 ใช้เวลาทั้งหมด 14 ปีจนเสร็จ โดยเป็นงานสถาปัตยกรรมที่มีการผสมผสานระหว่างรูปแบบไบแซนไทน์และ ฮิสปาโน-มัวร์ จนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สวยงามทั้งภายนอกเเละภายในมหาวิหารที่งดงาม
  • รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร / โรงแรม
  • HOLIDAY INN HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาวหรือเทียบเท่า
11

Day 11 : แอลเจียร์ - กรุงเทพฯ

  • รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
  • นำท่านชม อนุสาวรีย์แห่งการเสียสละ (Monument of the Martyrs) ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานเชิดชูเกียรติของเหล่าทหารแอลจีเรียที่สละชีวิตในสงครามกู้อิสรภาพ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแอลเจียร์ เปิดตัวในปีคริสต์ศักราช 1982 ในวันครบรอบการเป็นอิสระของประเทศแอลจีเรีย ลักษณะของอนุสาวรีย์นี้จะประกอบไปด้วยใบปาล์ม 3 ใบประกบกันในแนวตั้ง และที่ขอบของแต่ละใบจะมีทหารยืนเฝ้าอยู่ จากนั้นอิสระชอปปิ้งของฝากหลากหลายตามอัธยาศัยที่ ห้างสรรพสินค้า Bab-Ezzouar shopping center
  • จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ สนามบินสนามบินเอารี บูมเมอเดียน เมืองแอลเจียร์ เพื่อทำการตรวจเอกสารในการเดินทาง
  • 15.45 น. ออกเดินทางจาก เมืองแอลเจียร์ สู่ ดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ (Emirates Airlines) เที่ยวบินที่ EK758(ใช้เวลาในการเดินทาง 06.20 ชม.)
12

Day 12 : ดูไบ - กรุงเทพฯ

  • 01.05 น. เดินทางถึงดูไบ (รอเปลี่ยนเครื่องที่สนามบิน)
  • 03.45 น. ออกเดินทางจาก ดูไบ สู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน เอมิเรตส์ (Emirates Airlines) เที่ยวบินที่ EK 376 (ใช้เวลาในการเดินทาง 06.10 ชม.)
  • 12.55 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
วันเดินทาง
03-14 มิถุนายน 2566 23 กันยายน - 04 ตุลาคม 14-25 ตุลาคม
สายการบิน

Tour Reviews

There are no reviews yet.

Leave a Review

Rating