วันเดินทาง
01 - 08 กรกฎาคม 2566 23-30 กันยายน 21-28 ตุลาคม 20-27 พฤศจิกายน 03-10 ธันวาคม
สายการบิน


ทัวร์เลบานอน 8 วัน 5 คืน

พบประสบการณ์ครั้งใหม่ที่จะอยู่ในความทรงจำกับประเทศเลบานอน พาท่านเที่ยวชมถ้ำไจต้า  และน้ำตกบาตาร่า จอร์จ (Baatara Gorge Waterfall) ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในถ้ำและน้ำตกที่สวยที่สุดในโลก  ชมหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ วาดีคาดิซา ถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์พระแม่มารีขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนยอดเขาฮาริสสา มีชื่อว่า สุภาพสตรีแห่งเลบานอน ชมเมืองบริบลอส ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของโลก เมืองบาลเบ็คสัมผัสอารยธรรมโรมันโบราณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเลบานอน หินนกพิราบ หนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของประเทศเลบานอน 

  • บินสายการบิน TK
  • พักโรงแรม 4-5 ดาว ย่านถนนสายช้อปปิ้ง+ อาหารดี !!
  • พิเศษ !! รับประทานอาหารจีน + อาหารอิตาเลี่ยน + อาหารพื้นเมือง

1

Day 1: กรุงเทพฯ-อิสตันบูล-เบรุต

  • 20.00 น. คณะพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4  แถว N เคาน์เตอร์สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ (TK) ประตูทางเข้าที่ 7 โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัท ฯ คอยให้การต้อนรับ ตรวจเอกสาร และสัมภาระ
2

Day 2: เบรุต - ไจต้า-ฮาริสสา-บิบลอส

  • 05.20 น. เดินทางถึง สนามบินเมืองอิสตันบูล  รอเปลี่ยนเครื่องที่สนามบิน
  • 06.55 น. ออกเดินทางสู่ เมืองเบรุต ประเทศเลบานอน โดยเที่ยวบินที่ TK 830
  • ชม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติแห่งกรุงเบรุต (Beirut National Museum) เรื่องราวของพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเริ่มในปี ค.ศ. 1919 โดยการรวบรวมศิลปะวัตถุโบราณของ Raymond Weill, เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสประจำการในเลบานอน พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ถือเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์สำคัญที่สุดของประเทศเลบานอน
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

Beirut: National Museum

  • เดินทางไปยัง เมืองไจต้า (Jeita) ซึ่งอยู่นอกเขตเมืองเบรุต ไปทางทิศเหนือ 18 กม. เพื่อเที่ยวชม ถ้ำไจต้า (Jeita Grotto) โดยการขึ้นกระเช้าไฟฟ้า ภายในถ้ำมีการปูทางเดินซีเมนต์เดินชมได้ บางส่วนยื่นเข้าไปในเหวลึก ตัวถ้ำขนาดใหญ่ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1836 โดยมิชชันนารีชาวอเมริกัน ตัวถ้ำแบ่งเป็น 2 ส่วนมีส่วนเชื่อมถึงกัน แบ่งเป็นถ้ำด้านบนและด้านล่าง ซึ่งต้องนั่งเรือเข้าชม ตัวถ้ำมีความยาวประมาณ 9 กม. ภายในมีน้ำสะอาด ซึ่งกลายเป็นแหล่งน้ำดื่มของชาวเลบานอน ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในถ้ำที่สวยที่สุดในโลก
  • ถ่ายรูปกับ อนุสาวรีย์พระแม่มารี ขนาดใหญ่ ทำจากสำริดทาสีขาว ตั้งอยู่บนยอดเขาฮาริสสา (Harissa) มีชื่อว่า “สุภาพสตรีแห่งเลบานอน” (Lady of Lebanon) สร้างเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยประเทศฝรั่งเศส สูง 8.5 เมตร หนักกว่า 13 ตัน พร้อมทั้งชมวิวอ่าวโจนิส

jeita grotto lebanon
ถ้ำไจต้า (Jeita Grotto) -ทัวร์เลบานอน

Lady of Lebanon
อนุสาวรีย์พระแม่มารีLady of Lebanon – ทัวร์เลบานอน

  • เดินทางสู่ เมืองบิบลอส (Byblos)  ชมเมืองเก่า ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดของโลกที่มีผู้อยู่อาศัยติดต่อกันมาประมาณ 7,000 ปี และเป็นท่าเรือแห่งแรกของโลก เชื่อว่าตัวกำแพงเมืองถูกสร้างในยุค Bronze Age (2,800 ปีก่อนคริสตกาล) โดยชาวฟินิเชียน ซึ่งเป็นพ่อค้าระดับชาติกลุ่มแรกๆของโลก ด้วยความสำคัญดังกล่าว จึงได้รับการคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1984
  • ชม เมืองโบราณริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อาทิ ป้อมโบราณ สร้างโดยนักรบครูเสด ซึ่งสร้างในปี ค.ศ. 1108 โดยใช้หินจากโบราณสถานของโรมันและอาหรับ ตัวเมืองถูกบูรณะเมื่อ 50 ปีที่แล้ว จากตัวป้อมเราสามารถชมซากเมืองเก่าอายุหลายพันปี
  • รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคารในโรงแรม
  • MAJESTIC HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาว หรือเทียบเท่า
3

Day 3 :บิบลอส-ป่าซีตาร์-บซาร์ริ-หุบเขาคาดิซา-ตริโปลี-บิบลอส

  • รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมที่พัก
  • เดินทางตามทางหลวงที่เลียบชายฝั่งทะเล ผ่าน เมืองเชคก้า (Chekka)  ระหว่างทางท่านจะได้ชมความงามของภูมิทัศน์ภูเขาที่สวยที่สุดในเลบานอน ชม หุบเขาคาดิซา (Kadisha Valley) ซึ่งบางครั้งเรียกว่า “หุบเขาศักดิ์สิทธิ์ วาดีคาดิซา” เป็นหนึ่งในชุมชนทางศาสนา ยุคคริสต์ศาสนาตอนต้นที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อารามในคริสต์ศาสนาหลายแห่งมีอายุเก่าแก่มาก ตั้งอยู่บนภูมิทัศน์อันขรุขระของขุนเขาอย่างน่าทึ่ง
  • ผ่านชม ป่าต้นซีดาร์ ต้นซีดาร์มีคุณค่าสูงยิ่งในยุคโบราณ โดยเป็นวัสดุก่อสร้าง ศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่หลายแห่ง ในบริเวณป่าแห่งนี้ ต้นซีดาร์บางต้นมีอายุกว่า 1,000 ปี อีกทั้งยังถือเป็นต้นไม้ประจำชาติของเลบานอน และต้นซีดาร์ยังปรากฎเป็นสัญลักษณ์ตรงกลางธงชาติเลบานอนอีกด้วย และได้รับการคุ้มครองยกย่องเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1998

Beirut
เมืองเบรุต-ทัวร์เลบานอน

Gibran Khalil Gibran Museum

  • นำท่านชม พิพิธภัณฑ์ คาริล ยิบราน (Gibran Khalil Gibran Museum) นักกวีชื่อดังของโลก มีบ้านเกิดอยู่ที่เมืองบซาร์ริ ก่อนย้ายถิ่นฐานไปอยู่ในอเมริกา คาริล ยิบราน สามารถแต่งบทกวีได้ทั้งภาษาอาหรับและภาษาอังกฤษ แม้เขาจะใช้ชีวิตอยู่ต่างบ้านต่างถิ่น แต่ก็ไม่เคยลืมความรักในชาติพันธุ์ของเขา เขาสิ้นชีวิตลง ณ นครนิวยอร์ก และได้นำร่างของเขากลับมายังบ้านเกิด ที่เมืองบซาร์ริ ซึ่งภายหลังได้จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อแสดงชีวประวัติ คาริล ยิบราน ถือเป็นบุคคลสำคัญของชาวเลบานอนเป็นอย่างมาก
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
  • นำท่านเดินทางไป เมืองตริโปลี (Tripoli) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเบรุต 85 กม. และเป็นท่าเรือทางทิศตะวันออกสุดของประเทศเลบานอน  นำท่านชม ป้อมปราการ เรมอนด์ เดอ เซนต์ กิลล์ (Citadel of Raymond de Saint Gilles) ซึ่งเป็นป้อมปราการบนยอดเขาของเมืองตริโปลี สร้างโดย ท่านเคานท์ เรมอนด์ เดอ เซนต์ กิลล์ ผู้ว่าการของเมืองตริโปลี ในปี ค.ศ. 1103
  • จากนั้น นำท่านไปชม ตลาดเก่า (Souk) ในเมืองตริโปลี ซึ่งมีบรรยากาศเหมือนย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 14 ทั้งอาคารบ้านเรือน เสาอาคารสไตล์คอรินเธียน พื้นที่ปูด้วยอิฐ ซึ่งมีเสน่ห์ไม่เหมือนที่ใด
  • ชม มัสยิดเก่าที่สำคัญแห่งเมืองตริโปลี อาทิ มัสยิดไทนอล (Taynal Mosque) ซึ่งสร้างจากหินทรายในสมัยออตโตมัน ด้วยสถาปัตยกรรมแบบมัมลุค (Mamluk) ในปี 1336 จากนั้น นำท่านเดินทางกลับเมืองบิบลอส
  • รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารของโรงแรมที่พัก
  • ที่พัก MAJESTIC HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาว  หรือเทียบเท่า
4

Day 4 : เบรุต-น้ำตกบาตาร่า จอร์จ-เบรุต

  • รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมทีพัก
  • นำท่านเดินทางสู่ น้ำตกบาตาร่า จอร์จ (Baatara Gorge Waterfall) อยู่ไกลจากเมืองหลวงเบรุตประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่ง เป็นหนึ่งในน้ำตกที่สวยที่สุดในโลก และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดมหัศจรรย์ มีชื่อเสียงติดอันดับต้นๆในเอเชีย ธรรมชาติได้สร้างสรรค์น้ำตกแห่งนี้มาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ ผ่านเวลายาวนาน จนกลายเป็นน้ำตกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อยู่สูงเหนือระดับระดับน้ำทะเลประมาณ 1,150 เมตร น้ำตกบาตาร่า จอร์จ อยู่ใกล้กับหมู่บ้านบาล่า ตั้งอยู่ในเส้นทางหุบเขาเลบานอน น้ำตกแห่งนี้ถูกค้นพบอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1952 โดยชาวฝรั่งเศสที่มาสำรวจเส่นทางถ้ำในบริเวณนั้น และน้ำตกบาตาร่า จอร์จ ยังเป็นที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่ง คือ “สะพานสามเหว” ที่มาของชื่อมาจากสะพานที่เกิดขึ้นมาจากธรรมชาติแขวนอยู่เหนือถ้ำในแต่ละชั้น ซึ่งมีลักษณะเป็นหินปูนตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ น้ำตกบาตาร่า จอร์จ มีจุดเด่นตรงที่ปรากฎการณ์น้ำตกที่ไหลลงรูไปสู่หลุมด้านล่าง ซึ่งมองจากด้านนอกจะเห็นชัดเจนว่า น้ำตกมีลักษณะเป็นช่องสามชั้น เพราะมีสะพานธรรมชาติทั้งสามขั้นอยู่นั่นเอง โดยน้ำตกไหลลงสู่พื้นในความสูงประมาณ 255 เมตร (หมายเหตุ…น้ำตกไม่มีน้ำในช่วงหน้าหนาว)

Baatara Gorge Waterfall
น้ำตกบาตาร่า จอร์จ (Baatara Gorge Waterfall) -ทัวร์เลบานอน

  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
  • เดินทางกลับ กรุงเบรุต
  • รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารในโรงแรม
  • CROWNE PLAZA HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 5 ดาว  หรือเทียบเท่า
5

Day 5 : เบรุต-บาลเบ็ค-คซารา-เบรุต

  • รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
  • เดินทางข้ามเขาเลบานอน เพื่อเดินทางสู่ เมืองบาลเบ็ค (Baalbek) ซึ่งมี ศาสนสถานของโรมัน ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศเลบานอน วิหารประกอบด้วย วิหารแรกที่สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพเจ้า Jupiter บิดาแห่งเทพเจ้าทั้งปวง เป็นวิหารขนาดใหญ่มหึมา มีความยาว 274 เมตร มีเสาขนาดความสูง 22 เมตร (สูงที่สุดในโลก) ล้อมรอบ 54 ต้น (ปัจจุบันเหลือเพียง 6 ต้น ปัญหาจากแผ่นดินไหว และถูกนำไปใช้งานที่อื่น อาทิ โบสถ์เซนต์โซเฟียที่อิสตันบูล 8 ต้น) และวิหารอีกแห่งที่มีขนาดเล็กกว่า (แต่ยังใหญ่กว่าวิหาร Panthenon ที่เอเธนส์) สร้างถวายแก่เทพเจ้า Bacchus (เทพเจ้าแห่งเหล้าไวน์) และ Venus วิหารแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานในแบบคอรินเธียนที่งดงามที่สุดในโลก

Baalbek

Aanjar

  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
  • นำท่านชม ถ้ำธรรมชาติ แหล่งผลิตไวน์ที่คซารา ซึ่งอยู่ใน หุบเขาเบคกา ในยุคที่ชาวฟินิเซียนล่องเรือทำการค้ากับเลบานอน ก็ได้นำไวน์ของเลบานอนออกขายให้กับชาวอิตาลี และสเปน บริเวณหุบเขาเบคกา เป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์ของดินและน้ำ จึงทำให้มีการปลูกองุ่นหลากสายพันธุ์ ที่เหมาะแก่การทำไวน์ชั้นเลิศ
  • ผ่านชม เมืองแอนจาร์ (Aanjar) เมืองขนาดเล็กที่รุ่งเรืองในยุคมุสลิม ราชวงศ์อูมเมยาร์ด เข้าปกครองในสมัยของกาหลิบวาลิดที่ 1 ช่วง ค.ศ. 705 ชมพระราชวังโบราณ โรงอาบน้ำ ร้านค้าต่างๆ ที่มีมากกว่า 600 ร้านค้า ที่แสดงให้เห็นว่า เมืองแอนจาร์แห่งนี้เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าในสมัยโบราณเช่นกัน จนกระทั่งได้เวลาสมควร เดินทางกลับ กรุงเบรุต
  • รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรม
  • ที่พัก CROWNE PLAZA HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 5 ดาว  หรือเทียบเท่า
6

Day 6 : เบรุต-ไทร์-ไซดอน-ไบเทคดีน-เบรุต

  • รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมที่พัก
  • นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองไทร์ (Tyre)  เมืองท่าสำคัญของชาวฟีนีเซียน เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 2,750 ปีก่อนคริสตกาล เมืองไทร์ นักประวัติศาสตร์ชาวกรีกที่มีชื่อว่า เฮโรโดตัส (Herodotus) ซึ่งได้รับสมญานามว่า “บิดาแห่งประวัติศาสตร์” เป็นผู้บันทึกเอาไว้ว่า เมืองไทร์ก่อตั้งขึ้นเมื่อราว 2,750 ปีก่อนคริสตกาล ในอดีตเมืองนี้เคยถูกอเล็กซานเดอร์มหาราช (กรีก) บุกเข้ายึดครอง ต่อมาได้รับเอกราชและกลายเป็นจังหวัดหนึ่งของโรมัน ปัจจุบัน เมืองไทร์เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ เนื่องจากมีโบราณสถานและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “โรมันฮิปโปโดรม” ที่ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1979

Tyre lebanon

  • ออกเดินทางสู่ เมืองไซดอน (Sidon) เมืองท่าอีกแห่งของฟีนีเซียน ซึ่งมีความสำคัญเป็นอันดับที่ 3 รองจากบิบลอส และ ไทร์  ชม ด้านนอก ปราสาททะเล (Sidon Sea Castle) สร้างโดยนักรบครูเสด ในปี ค.ศ. 1228 บนเกาะเล็กๆริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เชื่อมกับแผ่นดินใหญ่ ด้วยการทำสะพานหิน จุดประสงค์เพื่อเป็นป้อมปราการป้องกันเมือง บนป้อมแห่งนี้เคยมีหอคอยอยู่ 2 หอ และถูกพวกมัมลุค ทำลายเมื่อยึดเมืองไทร์ได้ เพื่อมิให้พวกครูเสดกลับมาใช้งานได้อีก
  • ชม ข่าน เอล ฟราน (Khan al-Franj) บริเวณที่เคยเป็นที่พักของกองคาราวานมาก่อน เนื่องจาก เมืองไซดอนเป็นเมืองสุดท้ายบนเส้นทางสายไหมก่อนที่จะลงทะเลไปยังกรุงโรม เป็นตัวอย่างที่ดีของที่พักกลางทะเลทราย ความยาวกว่า 5,000 ไมล์ บนเส้นทางสายไหม ปัจจุบันได้รับการบูรณะและได้กลายเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมไซดอน
  • รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร

Sidon Sea Castle

Beit ed-Dine

  • ชม พระราชวังไบเทดดีน (Beited-Dine) ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยเจ้าชายอาหรับ นามว่า Bashir Shihab II ในช่วงระหว่างปี ค. ศ. 1788 – 1818 เป็นที่ประทับของเจ้าชายอาหรับจนกระทั่งปี ค.ศ. 1840 หลังจากนั้นอาคารถูกใช้โดยเจ้าหน้าที่ชาวเติร์ก เป็นที่พักของรัฐบาล ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝรั่งเศสใช้ในการปกครองท้องถิ่น มีการบูรณะพระราชวังของเก่า หลังจากที่ได้ประกาศให้เป็นอนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์ ต่อมาในปี ค.ศ. 1943 หลังจากที่ได้รับอิสรภาพ พระราชวังไบเทดดีนได้กลายเป็นพระราชวังฤดูร้อนของประธานาธิบดี สถาปัตยกรรมของพระราชวังไบเทดดีน จัดได้ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของงานสถาปัตยกรรมในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ของเลบานอน
  • ชม หมู่บ้านวัฒนธรรม เดอร์ เอล คามาร์ (Deir El Qamar) อดีตเมืองหลวงของประเทศเลบานอน ในช่วงศตวรรษที่ 15 ที่มีผู้ปกครองเลบานอน นามว่า เอมีร์ ฟาคห์เรดดีน ที่ 2 เข้ามามีอำนาจในช่วงปี ค.ศ. 1590 หมู่บ้านประกอบไปด้วยมัสยิด และ พระราชวังประวัติศาสตร์ และอาคารบริหารราชการ ศตวรรษที่ 17 มีโบสถ์เป็นศูนย์รวมการทำกิจกรรมของหมู่บ้าน จึงกลายเป็นศูนย์กลางของประเพณีและวรรณกรรมแห่งเลบานอน และยังเป็นหมู่บ้านแรกในเลบานอนที่จะมีการจัดการในระบบเขตเทศบาล เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1864 และเป็นบ้านเกิดของบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น นักเขียนและนักการเมือง
  • รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรมที่พัก
  • ที่พัก CROWNE PLAZA HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 5 ดาว หรือ เทียบเท่า
7

Day 7 : เบรุต-อิสตันบูล

  • รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมที่พัก
  • นำท่านเดินทางสู่ย่านใจกลาง เมืองเบรุต (Beirut) ซึ่งกำลังบูรณะฟื้นฟูให้งดงามเหมือนเดิม เมืองเบรุตมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 5,000 ปี โดยการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดี ปรากฏหลักฐานของชาวฟินิเซียน อารยธรรมเฮเลนิสติก, เปอร์เซีย, โรมัน, อาหรับ และออตโตมัน (ทั้งยังถูกกล่าวถึงเป็นลายลักษณ์อักษรในจดหมายที่ส่งถึงกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ ในสมัยศตวรรษที่ 14 ก่อนคริสตกาลอีกด้วย) หลังสิ้นสุดสงครามกลางกรุงเบรุต ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทันสมัยและมีชีวิตชีวา จึงได้รับการจัดอันดับจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ไทม์ ว่าเป็นสุดยอดสถานที่ที่ควรไปเยือนในปี 2009 ปัจจุบันเป็นทั้งเมืองหลวง ศูนย์กลางการบริหารวัฒนธรรม และเศรษฐกิจ ของประเทศเลบานอน
  • นำท่านสู่ ย่านคอร์นิช เดินชมสองข้างทาง ซี่งเต็มไปด้วยภัตตาคารและร้านกาแฟ แวะถ่ายรูปกับ หินรูปนกพิราบ (Pigeons’ Rock) เป็นหินที่ถูกธรรมชาติกัดกร่อนเป็นโพรงริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเบรุต  ชมย่านบริเวณริมชายฝั่งทะเล สถานที่พักผ่อนเดินเล่นของชาวเบรุต
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
  • นำท่านเดินชมเมืองใหม่เบรุต ที่มีการสร้างเพื่อการธุรกิจพาณิชย์ เช่น ธนาคาร บริษัทฯ ห้างร้าน แบรนด์เนมต่างๆ นำท่าน ถ่ายรูปด้านนอก สุเหร่า Mohammad Al-Amin Mosque ซึ่งเป็นมัสยิดที่สร้างให้คล้ายสุเหร่าสีน้ำเงิน ที่อิสตันบูล ประเทศตุรกี มีสถาปัตยกรรมแบบอนุสาวรีย์ของออตโตมาน มีพื้นที่ประมาณ 11,000 ตารางเมตร มีโดมสีน้ำเงิน สูง 48 เมตร และ หอคอยสูง 65 เมตร มัสยิดแห่งนี้กลายเป็นจุดเด่นของเมืองเบรุต

Mohammad Al-Amin Mosque

  • อิสระให้ท่านช๊อปปิ้งที่ ตลาด (Beirut Souk) ในกรุงเบรุต
  • รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
  • จากนั้น นำท่านเดินทางสู่สนามบินเบรุต เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพฯ
  • 21.50 น. ออกเดินทางสู่ เมืองอิสตันบูล โดยเที่ยวบินที่ TK 827 
  • 23.50 น. เดินทางถึง สนามบินเมืองอิสตันบูล  รอเปลี่ยนเครื่องที่สนามบิน
8

Day 8 : อิสตันบูล-กรุงเทพฯ

  • 01.45 น. เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ TK068
  • 15.25 น. เดินทางมาถึง สนามบินสุวรรณภุมิ/กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

 

เรื่องเที่ยวไว้ใจเรา Go Together Travel

http://www.gotogethertravel.com/

วันเดินทาง
01 - 08 กรกฎาคม 2566 23-30 กันยายน 21-28 ตุลาคม 20-27 พฤศจิกายน 03-10 ธันวาคม
สายการบิน
Raouché Rock

Tour Reviews

There are no reviews yet.

Leave a Review

Rating