วันเดินทาง
08-15 มีนาคม 2566
22-29 มีนาคม 2566
12-19 เมษายน 2566
20 - 27 เมษายน 2566
03 - 10 พฤษภาคม 2566
สายการบิน

ทัวร์อิสราเอล เส้นทางสายบุญ ตามรอยศาสนาคริสต์ พระเยซู เรื่องราวผ่านสถานที่จริงในเหตุการณ์สำคัญตามบันทึกในพระคัมภีร์ไบเบิล ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นแหล่งกำเนิดของ 3 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาคริสต์ ศาสนายูดาย และศาสนาอิสลาม ความแตกต่างด้านศาสนา และวัฒนธรรม ทำให้ดินแดนแห่งนี้ถูกเรียกว่า ดินแดนแห่งความศักดิ์สิทธิ์ The Holy Land และโบราณสถานที่สำคัญทางด้านศาสนา มีมรดกทางด้านประวัติศาสตร์ และความศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีที่ไหนในอิสราเอลมีความแตกต่างที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เท่ากับในเมืองเยรูซาเล็ม
1
Day 1: กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)-เทล อาวีฟ
- 21.00 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯคอยให้การต้อนรับและตรวจเอกสารการเดินทาง ณ เคาน์เตอร์สายการบินแอล อัล อิสราเอลแอร์ไลน์(El Al Israel Airlines) ชั้น 4
- 23.55 น. Q “เหิรฟ้าสู่เมืองเทล อาวีฟ” โดย สายการบิน เที่ยวบิน LY 082
2
Day 2:เทล อาวีฟ – เซซาเรีย-ไฮฟา-ไทบีเรีย
- 06.10 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติเบนกูเรียน ประเทศอิสราเอล นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง
- ออกเดินทางสู่ เมืองเทล อาวีฟ (Tel Aviv) ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางการค้า พาณิชย์และการท่องเที่ยว ที่มีความนิยมมากที่สุด ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อันที่จริงจะมีชื่อว่า เทล อาวีฟ-จัฟฟา แต่ทั่วๆไปจะเรียกว่า เทล อาวีฟ ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสอง ถูกก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1909 ที่บริเวณนอกเมืองที่เป็นเมืองท่าของเมืองจัฟฟา (Jaffa) ซึ่งมีความรุ่งเรืองในยุคของอาหรับ แต่เทล อาวีฟมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว ทำให้ทั้งสองเมืองถูกนำมารวมกันในปี ค.ศ.1950 หลังจากที่ตั้งรัฐอิสราเอลได้สองปี และได้ถูกก่อสร้างให้เป็นเมืองสมัยใหม่ และได้รับเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 2003
- รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
- นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองโบราณซีซาเรีย (Caesarea) ซึ่งเป็นเมืองเก่ายุคสมัยสงครามครูเสด สร้างโดยกษัตริย์เฮโรดมหาราช แวะถ่ายรูป คลองส่งน้ำ (Aquaduct) ที่เหลืออยู่ประมาณ 1 กม. พวกโรมันโบราณได้สร้างขึ้นไว้ยาวประมาณ 25 กม. โดยการนำน้ำจืดจากภูเขามาหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณริมทะเลได้
- เดินทางไปยัง เมืองไฮฟา (Haifa) ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาคาร์เมล (Mt. Carmel) ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางของเขตไฮฟาที่อยู่ทางด้านเหนือและอยู่ติดกับริมทะเลฯ เป็นแหล่งโรงงานอุตสาหกรรม และเป็นเมืองอันดับที่สามของประเทศ มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 270,000 คน ซึ่งผสมผสานกันระหว่างพวกยิวและอาหรับ นอกจากนั้นเมืองนี้ยังเป็นถิ่นกำเนิด/ศูนย์กลางของศาสนาบาไฮ (Bahai) แวะถ่ายรูปที่ Bahai Garden ที่ถูกสร้างเป็นสวนที่สวยงามด้วยงบประมาณ 50 ล้านดอลล่าร์ และยังได้ถูกจัดให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 2008
- หลังจากนั้นเดินทางต่อไปยัง เมืองไทบิเรียส (Tiberias) ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันออก เป็นเมืองท่องเที่ยวทางตอนเหนือที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของริมทะเลสาบกาลิลี
- รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หรือ โรงแรมที่พัก
- CLUB HOTEL TIBERIAS 4*หรือเทียบเท่า
3
Day 3:ไทบิเรียส-นาซาเร็ธ-ทะเลสาบกาลิลี่-คาเปอร์นาอูม-ไทบีเรียส)
- เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
- ล่องเรือในทะเลสาบกาลิลี ที่อยู่ใกล้กับที่ราบสูงโกลาน เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีความลึกประมาณ 43 เมตร พื้นที่ประมาณ 166 ตร.กม. และอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 209 เมตร ให้ท่านได้ชมความสวยงามของธรรมชาติ และการแสดงต่างๆที่จะทำให้ท่านได้รับความสนุกสนานและเพลิดเพลิน นำท่านชมโบสถ์ ที่อยู่รอบทะเลสาบกาลิลี่
- จากนั้น นำท่านเดินทางไปยัง หมู่บ้านทับกา (Tabgha Village) ที่พระเยซูได้เลี้ยงคน 5,000 คนด้วยปลา 2 ตัว และขนมปัง 5 ก้อน
- รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
- นำท่านเดินทางสู่ เมืองคาเปอร์นาอูม (Capernaum) ชม บ้านของปีเตอร์ ซึ่งเป็นสาวกคนแรก ปัจจุบันถูกสร้างเป็นโบสถ์บนบ้านหลังเดิม ที่ซึ่งพระเยซูทำการอัศจรรย์ในการรักษาโรคให้แก่แม่ยายปีเตอร์ ในบริเวณใกล้ๆกัน มีธรรมศาลาเก่าแก่ที่พระเยซูสั่งสอนและรักษาโรคแก่ประชาชน จากนั้น นำท่านเดินทางไปยังริมชายทะเลสาบฯ ที่ซึ่งพระเยซูปรากฏแก่สาวกหลังฟื้นจากความตาย และทำการอัศจรรย์ช่วยสาวกจับปลาได้ 153 ตัว และทรงเรียกปีเตอร์ให้เลี้ยงลูกแกะของพระองค์ ปัจจุบันมี โบสถ์ St.Peter’s Primacy ถูกสร้างครอบเนินดินที่เชื่อว่าเป็นที่ที่พระเยซูปิ้งปลาคอยสาวกอยู่
- จากนั้น นำท่านเดินทางต่อไปยัง ภูเขาบีทติจูดส์ (Mt. of Beatitudes) ให้ท่านได้ชม โบสถ์ 8 เหลี่ยม เป็นสถานที่ซึ่งพระเยซูสอนสาวกเรื่องการอธิษฐาน ข้าแต่พระบิดาแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย
- นำท่านเดินทางสู่ เมืองนาซาเร็ธ (Nazareth) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา นำท่านชมสถานที่ที่ทำการป่าวประกาศ (The Church of the Annunciation) ซึ่งถูกสร้างครอบบ้านนางมารีไว้ สถานที่ซึ่งนางมารีได้รับแจ้งจากทูตสวรรค์ว่านางจะให้กำเนิดพระเยซู และเดินต่อไปยังบ่อน้ำที่มีอายุนานกว่า 2,000 ปี ที่พระนางมารีได้เคยมาตักเอาไปใช้
- รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
- เข้าสู่ที่พัก CLUB HOTEL TIBERIAS HOTEL 4* หรือเทียบเท่า**
4
Day 4:ไทบีเรียส-เจริโก้-ทะเลสาบเดตซี
- เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
- เดินทางสู่ ริมแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งเป็นสถานที่ทำพิธีบัพติศมาในน้ำ (Baptismal Site of Yardenit) ซึ่งสาวกจอห์นได้ทำพิธีล้างบาป และได้ตั้งชื่อให้ กับพระเยซู ท่านสามารถรับบัพติศมาเพื่อเป็นการระลึกถึง หรือสำหรับผู้ที่เพิ่งตัดสินใจรับบัพติศมา (หากท่านใดสนใจกรุณาติดต่อผู้นำทัวร์ เพื่อประสานงานกับศิษยาภิบาลที่นำคณะ สำหรับการใช้เสื้อคลุม และขอใบประกาศนียบัตร)
- เดินทางสู่เมือง เบทชาน (Beit-shan) หรือ ไซโทโพลิส (Scythopolis) ถือเป็นแหล่งโบราณคดีที่ค่อนข้างสมบูรณ์และงดงามที่สุดในอิสราเอล มีการค้นพบซากโบราณสมัยของโรมัน ไบแซนไทน์ไซโทโพลิสจำนวนมาก ผังชลประทานโบราณซับซ้อน ด้วยที่ตั้งอยู่ระหว่างหุบเขายิสเรลและจอร์แดนทำของเมืองที่เรียกว่าเป็นทำเลยุทธศาสตร์สำคัญในอดีต บริเวณนี้เป็นบริเวณที่แขวนศพของซาอูลและราชโอรส หลังจากที่ชาวฟีลิสเตีย ยึดครองเมืองได้
- นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองเจริโก้ ที่ตั้งอยู่ทางด้านเหนือในเขตเวสท์แบ้งค์ ที่ติดกับแม่น้ำจอร์แดนและอยู่ทางด้านเหนือของทะเลสาบเดดซี มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 20,000 คน ซึ่งส่วนมากจะเป็นชาวอาหรับปาเลสไตน์ เจริโกได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ในอดีตได้มีหลักฐานที่ถูกพบว่ามีคนมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บริเวณนี้มาแล้วประมาณกว่า 9,000 ปีก่อน คริสตกาล
- นั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นสู่ภูเขาเทมพเทชั่น (Mt. of Temptation ) ซึ่งมีความสูงประมาณ 350 เมตรจากระดับน้ำทะเล ณ สถานที่แห่งนี้จะมีถ้ำซึ่งเป็นที่ที่พระเยซู ได้เคยมานั่งวิปัสสนาและอดอาหารเป็นเวลา 40 วัน และ 40 คืน ในระหว่างที่พวกซาตานมารบกวน ให้ท่านได้ ชมวิวเมืองเจริโก้จากบนยอดเขา ได้เวลาเดินทางกลับลงมา
- รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
- นำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบเดดซี (Dead Sea) ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำที่สุดของโลก อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลทั่วไปกว่าประมาณ 400 เมตร และน้ำในทะเลนี้เค็มกว่าทะเลปกติถึง 10 เท่าและยังมีปริมาณแร่ธาตุต่างๆ มากมาย เช่น สารไอโอดีน 10 เท่า แมกนีเซียม 15 เท่า และโบรมีน 20 เท่า จึงทำให้เกิดความหนาแน่นมาก จนท่านสามารถลอยตัวได้โดยไม่จม แม้ว่าว่ายน้ำไม่เป็น ให้ท่านเล่นน้ำและหมักโคลนตามอัธยาศัย (กรุณาเตรียมชุดเล่นน้ำ ผ้าเช็ดตัวรองเท้าฟองน้ำไปด้วย) จากนั้น ให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัย ซื้อของฝากผลิตภัณฑ์ที่ทำจากโคลน Dead Sea และของที่ระลึกอื่นๆ
- รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หรือโรงแรมที่พัก
- ที่พัก DAVID DEAD SEA HOTEL 4*หรือเทียบเท่า
5
Day 5:ทะเลสาบเดตซี-ป้อมมาซาด้า-เมืองเบธเลเฮ็ม-เยรูซาเล็ม
- เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
- นำท่านออกเดินทางเรียบฝั่งทะเลสาบเดดซี เพื่อไปยัง ป้อมปราสาทมาซาด้า (Masada Fortress) ที่ตั้งอยู่ทางด้านใต้ บนยอดเขาสูงประมาณ 120 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นป้อมปราสาทและอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของกษัตริย์เฮโรด มหาราช ที่ได้สร้างขึ้นและเป็นที่สุดท้ายของชาวยิว 950 คนที่ขึ้นไปอาศัยอยู่ เพื่อต่อต้านการรุกรานของพวกโรมันด้วยการขนอิฐและหินขึ้นไปก่อสร้างอาคาร เพื่อเป็นที่พักอาศัยของพวกชาวยิว และยังสามารถนำน้ำขึ้นไปกักเก็บไว้ใช้อีกด้วย และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2001
ให้ท่านนั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นสู่ยอดเขา เพื่อชมสถานที่สำคัญต่างๆ มีห้องอาบน้ำ ขนาดใหญ่เป็นแบบอบซาวน่า ฯ - จากนั้น นำท่านเดินทางข้ามเขตแดนเยรูซาเล็ม สู่ เมืองเบธเลเฮ็ม (Bethlehem) เป็นดินแดนที่เก่าแก่ และถูกครอบครองโดยพวกปาเลสไตน์ ตั้งอยู่ห่างจากเยรูซาเล็มทางด้านใต้ ประมาณ 10 กม. ในอดีตเป็นบ้านเกิดของกษัตริย์เดวิด (King David) ซึ่งเป็นผู้สร้างเมืองเยรูซาเล็ม และยังเป็นเมืองที่พระเยซูมีประสูติกาลจากพระแม่มารี โดยที่โจเซฟและพระนางได้เดินผ่านมา และพักค้างคืนภายในถ้ำเลี้ยงสัตว์
- รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารท้องถิ่น
- แวะถ่ายรูปกับกำแพงกั้นระหว่างเขต West Bank กับเขตอิสราเอล โดยความคิดริเริ่มการสร้างกำแพงนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1992 และเริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1994 แต่ปัจจุบันนี้กำแพงที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อกั้นความขัดแย้งระหว่างคนสองเชื้อชาติได้กลายเป็นที่รังสรรค์งานศิลปะสมัยใหม่ที่เรียกว่า Graffiti มากมาย
- จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ โบสถ์แห่งการประสูติ (The Church of Nativity) ที่สร้างครอบสถานที่ประสูติของพระเยซู ถูกสร้างโดย พระนางเฮเลน่า (Helena) ซึ่งเป็นพระมารดาของจักรพรรดิคอนสแตนตินแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ เป็น สถานที่ที่ถูกเก็บรักษาให้รอดพ้นจากการถูกทำลายจากผู้ครอบครองของหลายชาติได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งประตูทางเข้าโบสถ์นี้จะเล็กกว่าปกติ และผิดสัดส่วนจากขนาดของตัวอาคาร เพราะว่าภายหลังดินแดนแห่งนี้ถูกครอบครองโดยพวกครูเสดก็ได้มีการต่อเติม และทำประตูให้มีขนาดเล็กลงสำหรับคนต้องก้มเดินเข้าไปได้เพียงคนเดียว เพื่อเป็นการป้องกันมิให้พวกโจรอาหรับขี่ม้าเข้ามาปล้น ภายในโบสถ์มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ทางเดินที่ประดับลวดลายของโมเสค และภาพสีน้ำมันตามผนังตลอดจนเพดาน
- นำท่านออกเดินทางไปยัง กรุงเยรูซาเล็ม (Jerusalem) ที่อยู่ห่างประมาณ 45 กม.ทางด้านตะวันออก และตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของทะเลสาบเดดซี เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ.1949 ได้รับการประกาศให้เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของอิสราเอล แต่ในขณะนั้นกรุงเยรูซาเล็มได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ฝั่งด้านตะวันตกเป็นของอิสราเอล ส่วนฝั่งตะวัน ออกและบริเวณเมืองเก่าจะเป็นของจอร์แดน จนกระทั่งปี ค.ศ.1967 หลังจากเกิดสงคราม 6 วัน (The Six Days War) ระหว่างอิสราเอลและจอร์แดน อิสราเอลจึงได้เมืองเยรูซาเล็มกลับมาอยู่ภายใต้การปกครองทั้งหมดเป็นเมืองเดียวกัน
- เยี่ยมชมย่าน Zion Square และ ถนน Ben Yehuda Street ให้อิสระท่านเดินเล่นย่านถนนคนเดินที่มีชื่อเสียงของเมืองเยลูซาเลม บริเวณถนนเต็มไปด้วยร้านค้าร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก การแสดงจากชาวบ้าน จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร
- รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
- ที่พัก PRIMA PARK HOTEL 4* หรือเทียบเท่า
6
Day 6:เยรูซาเล็ม - อีน คาเร็ม - เยรูซาเล็ม
- รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
- เดินทางสู่ ตัวเมืองเก่าเยรูซาเล็ม (Old City) ให้ท่านได้ชม กำแพงร้องไห้ (Wailing Wall) ซึ่งเป็นกำแพงด้านตะวันตกของพระวิหารหลังที่สองที่เหลืออยู่หลังจากถูกพวกโรมันทำลาย ปัจจุบันชาวยิวทั่วโลกถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และโดยเฉพาะวันสำคัญทางศาสนา จะมีชาวยิวมากมายเดินทางมาสวดมนต์ อธิษฐานร้องไห้คร่ำครวญกับพระเจ้าอย่างเนืองแน่น และจากลานหน้ากำแพงศักดิ์สิทธิ์นี้ จะมีทางเดินเลาะเลียบทางขวาที่ไต่ระดับสูงขึ้นไปสู่ ภูเขาวิหาร (Temple Mount ) อันเป็นที่ตั้งของมหาวิหาร ที่ได้ถูกทำลายไปถึง 2 ครั้ง จะเหลืออยู่ก็แค่บางส่วนของกำแพง ฯ ซึ่งในปัจจุบันภูเขาวิหาร เป็นที่ตั้งของศาสนสถานที่ศักดิ์สิทธ์ของศาสนาอิสลาม เพราะว่าในช่วงปี ค.ศ. 688 กาหลิบโอมาร์ ที่เป็นผู้นำชาวมุสลิม ได้นิมิตประหลาดว่าภูเขาวิหารนี้เป็นสถานที่ที่ศาสดาโมหะหมัดได้เสด็จสู่สวรรค์ โดยประทับยืนบนก้อนหินก้อนหนึ่ง ซึ่งต่อมาเชื่อว่าเป็นก้อนหินศักดิ์สิทธิ์ ส่วนชาวคริสต์เชื่อว่า พระเยซูได้ถูกซาตานนำมาประทับบนก้อนหินนี้ เพื่อให้ทอดพระเนตรนครเยรูซาเล็ม ในขณะที่จำศีลอดอาหาร และชาวยิวเชื่อว่า อับราฮัมได้นำลูกชายมาฆ่า เพื่อบูชาพระเจ้าบนก้อนหินก้อนนี้ ต่อมาจึงได้สร้างสุเหร่าไม้ขึ้นบนยอดเขาแห่งนี้ โดยคร่อมก้อนหินศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้ ซึ่งเรียกว่า สุเหร่าแห่งโอมาร์ (Mosque of Omar) แต่ปัจจุบันนี้ได้ถูกสร้างเป็นสุเหร่าทรง 8 เหลี่ยมที่มีหลังคาทรงกลม ทำด้วยทองบริสุทธ์ 24 กระรัต โดยได้รับความช่วยเหลือจากกษัตริย์ฮุสเซนแห่งจอร์แดน และมีชื่อเรียกว่า โดมแห่งหินผา (Dome of the Rock) และบริเวณผนังด้านในประดับด้วยโมเสคลวดลายงดงามมาก (ไม่สามารถเข้าไปชมภายในได้ )
- เดินเท้าไปตาม ถนนเวีย โดโลโรซ่า (Via Dolorosa) เส้นทางที่พระเยซูถูกไต่สวนที่ศาลปรีโทเรีย จนถูกบังคับให้แบกไม้กางเขนไปสู่โกลโกธา และตรึงพระองค์ไว้บนไม้กางเขน ตามเส้นทางทั้งหมด 14 แห่ง ซึ่งในปัจจุบันเป็นโบสถ์ในศาสนาคริสต์ (Church of The Holy Sepulcher) หรือ สุสานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นอุโมงค์ที่สกัดไว้ในศิลาที่ใช้เก็บพระศพของพระเยซูหลังจากเชิญพระศพลงมาจากไม้กางเขน
- รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
- เดินทางสู่ เมืองอีน คาเร็ม (Ein Karem) ที่มีความหมายว่า น้ำธรรมชาติสำหรับไร่องุ่น อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเยรูซาเล็ม และเป็นเมืองที่มีความสำคัญรองลงมาจากเบธเลเฮ็ม คือ เมืองที่จอห์นแห่งแบพติสเกิดและนอกจากนั้นก็ยังมีโบสถ์วิหารที่มีความสำคัญหลายแห่งสำหรับผู้ที่เป็นชาว คริสเตียน
- ชม อนุสรณ์สถานยาด วาเช็ม (Yad Vashem) ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงชาวยิวที่เสียชีวิตในระหว่างสงครามโลก รูปภาพต่างๆ ที่ถ่ายจากค่ายกักกันต่างๆ ในยุโรป แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของทหารนาซี ในความพยายามทำลายล้างเผ่าพันธุ์ของชนชาติยิว ซึ่งเป็นชนชาติของพระเจ้า ทำให้ตระหนักถึงพระสัญญาของพระเจ้าต่ออับราฮัมที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
- ชม ตลาดเก่า (Old Market) และ ตลาดสดเยฮูด้า(Yehuda Market )ให้ ท่านเยี่ยมชมบรรยากาศพื้นเมืองของตลาดและให้อิสระแก่ท่านในการช๊อปปิ้งของฝาก ของที่ระลึกที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับอาหาร ขนมพื้นเมือง ผักผลไม้ท้องถิ่น จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร
- รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
- ที่พัก โรงแรม PRIMA PARK HOTEL 4*หรือเทียบเท่า
7
Day 7:เยรูซาเล็ม - ซิตี้ทัวร์
- รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
- นำท่าน เยี่ยมชม โรงงานผลิตไวน์Domaine du Castel Winery ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมือง ให้ท่านได้ดูกระบวนการผลิตไวน์ โรงหมักไวน์ รวมถึงชิมไวน์พร้อมกับชีสอันเป็นเอกลักษณ์
- รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
- นำท่านเดินทางภูเขาไซออน (Mount Zion) ตั้งอยู่ทิศตะวันตกของภูเขาโอลีฟในเยรูซาเล็ม ซึ่งมีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า เมืองของเดวิด (City of David)
- ชม สุสานกษัตริย์เดวิด (King David’s Tomb) และ ห้องอาหารมื้อสุดท้าย (Cenacle : Room of Last Supper) ที่พระเยซูทรงร่วมรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายกับเหล่าสาวก หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่มีชื่อเสียงที่สุด
- จากนั้นเดินทางไปชมโบสถ์ไก่ขัน (St. Peter in Gallicantu) อดีตเป็นบ้านของปุโรหิตคายาฟาส หัวหน้าสมณะในยุคของพระเยซูที่ถูกตัดสิน และเป็นสถานที่ที่ปีเตอร์ปฏิเสธพระเยซูก่อนไก่ขัน 3 ครั้ง (Before the cock crows thrice)
- เดินทางไปยัง สวนเกทเสมานี (Gatsemane) ภาษาฮิบรูว์ แปลว่า ต้นมะกอก ภายในสวนนี้มีต้นมะกอกเก่าแก่อายุมากกว่า 2,000 ปี อยู่ 8 ต้น ที่เชื่อกันว่าเป็นรากเดิมของต้นมะกอกในสมัยพระเยซู สถานที่ที่พระเยซูอธิษฐานกับสาวก ก่อนที่จะถูกพวกทหารโรมันจับตัวไป
- ชม สุสานในสวน (Garden Tomb) ซึ่งเราเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ด้วยการมีส่วนร่วมและช่วงเวลาแห่งการสรรเสริญ
- รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
- ออกเดินทางไปยังสนามบิน เพื่อทำการตรวจเอกสารในการเดินทาง
- 23.00 น. เหิรฟ้าสู่กรุงเทพฯ” สายการบินแอล อัล อิสราเอลแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ LY 081
8
Day 8:กรุงเทพฯ
- 14.45 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิ์ภาพ
เรื่องเที่ยวไว้ใจเรา Gotogether Travel์
ประสบการณ์ทำทัวร์มากกว่า 17 ปี
เรารับออกแบบเส้นทางกรุ๊ปส่วนตัวในแบบที่คุณต้องการ
โทร 02-2146088 ทุกวัน จ.-ศ. เวลา 09.00 – 18.00 น.
Tour Reviews
There are no reviews yet.
Leave a Review